หลังประมูลเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา AIS ก็ยังเป็น AIS เหมือนเดิม กวาดคลื่นมามากสุดในบรรดาผู้ประมูลทุกรายที่เข้าไป จุดสนใจสำคัญของงานนี้ คือ 2600 MHz ที่กวาดมามากสุดถึง 100 MHz รวมถึง 700 MHz จำนวน 30 MHz (2×15 MHz) และ 2.6GHz จำนวน 1200 MHz เพื่อนำมาเปิดให้ใช้งาน 5G ในปีนี้ หากว่ากันแบบไม่มีอวย AIS คือเครือข่ายที่เตรียมความพร้อมเรื่องนี้ชัดเจนที่สุด เมื่อวันที่คลื่นมาถึงในมือ นี่คือสิ่งที่ AIS ลงมือทำทันที
3G/4G เรามาทีหลัง แต่ 5G เราจะต้องเป็น "ที่ 1"


พื้นที่ใช้งาน 5G ที่ AIS นำเสนอในวันนี้ คือพื้นที่กลางเมืองสามที่ได้แก่ สี่แยกอโศก / ห้างสรรพสินค้า Central World และ ห้างสรรพสินค้า Siam Paragon และในสำนักงานใหญ่ AIS ที่อาคาร AIS Tower 1 ถนนพหลโยธิน ฉะนั้นแล้ว ถ้าวันเปิดอย่างเป็นทางการมาถึง ทั้งสี่สถานที่นี้ รวมถึงสถานที่อื่น ๆ ที่ AIS เคยนำ 5G ไปทดสอบ เช่น Emporium/สามย่านมิตรทาวน์/โรงงาน SCG สระบุรี/SCG บางซื่อ/สนามบินอู่ตะเภา (ระยอง-พัทยา) และอื่น ๆ ที่เราไม่ได้พูดถึง ก็จะเป็นจุดแรก ๆ ที่ลูกค้าจะใช้งานได้ และด้วย Samsung Galaxy S20 Ultra ที่กำลังจะวางจำหน่าย ก็สามารถใช้งานกับ AIS 5G ได้ทันที เมื่อ Samsung ปลดล็อคการรองรับ 5G กับเครือข่ายเปิดให้ใช้งาน
ดีที่สุดในตลาดเท่านั้น

การมีคลื่นในมือให้มากที่สุด คือความได้เปรียบด้านคุณภาพ ลองนึกถึงสงครามราคาโปรโมชั่น ใครเล่นเรื่องราคา แต่ไม่มีคลื่นที่มากพอ ผลที่ตามมา ลูกค้าจะไม่ประทับใจ แล้วจำว่า “เครือข่ายไม่ดี” ไปเอง AIS จึงให้ความสำคัญกับ “ปริมาณคลื่น” เพื่อรับมือทั้งในแง่ “ใช้งาน” หรือ “การตลาด” ที่ AIS กล้าใช้คำว่า “ดีที่สุดในตลาด”

เพราะว่า คลื่นที่ AIS ประมูลมา มีปริมาณรวมกันมากที่สุด มีช่วงคลื่นแต่ละความถี่ที่กว้างระดับ Super Block (ความกว้างคลื่นต่อเครือข่ายที่มือถือรุ่นล่างสุดรับได้) ตามคำนิยามของ 3GPP แทบทั้งสิ้น คือ 700 MHz ต้องมีมากสุด 2×15 MHz ต่อเครือข่าย / 2600 MHz ต้องมีมากสุด 100 MHz ต่อเครือข่าย และ 26 GHz หรือ mmWave ต้องมีมากสุด 400 MHz ต่อเครือข่าย ซึ่ง AIS ก็ไม่คิดชีวิตอะไรเลยในห้องนอกจากคำว่า “เต็ม MAX เท่านั้น” และผลคือคลื่นที่ AIS ได้จากการประมูลเมื่อวันอาทิตย์ เลยมีดังนี้

- คลื่นความถี่ย่านต่ำ (Low Band) : 700 MHz กว้าง 30 MHz (2×15 MHz)
- คลื่นความถี่ย่านกลาง (Mid Band) : 2600 MHz กว้าง 100 MHz
- คลื่นความถี่ย่านสูง (High Band) : 26 GHz กว้าง 1200 MHz

จะเห็นได้ว่า เมื่อเทียบกับคลื่นที่ AIS มีในมือจากการประมูลก่อนหน้าทั้งหมดอันได้แก่ 2100 MHz (2×15 MHz ไม่รวมส่วนที่เป็นของ TOT) / 900 MHz (2×10 MHz) และ 1800 MHz (2×20 MHz) การประมูลคลื่นชุดใหม่เข้าบริษัท เป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้ AIS ไปทำสิ่งต่าง ๆ ได้สบายใจมากขึ้น ประโยชน์ของการมีคลื่น “เยอะ” “กว้าง” และ “ครบ” นี้ ไม่ต้องรอถึง 5G ลูกค้า AIS ได้รับอานิสงค์ดังนี้
5G คืออนาคต แต่วันนี้ 4G "ต้องดีกว่าเดิม"

แต่ก่อนที่ AIS จะก้าวขึ้นไป 5G อย่างเต็มตัวในช่วงปลายปีนี้ สิ่งที่ AIS ต้องทำก่อน นั่นคือการ “เพิ่มประสิทธิภาพให้ 4G” ใช่ครับ สิ่งที่เรากำลังพูดถึงนั่นคือ แนวทางการใช้งานคลื่นนั่นเอง

โดยนับตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป AIS จะมีคลื่นชุดใหม่ 3 ชุด คือ 700 MHz / 2600 MHz และ 26 GHz โดย 700 MHz กับ 26 GHz เราจะไม่พูดถึง เพราะเป็นเรื่องของ 5G และอนาคต ซึ่งติดเงื่อนไขการเปิดเผยข้อมูลของกรรมการบริษัท และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (อีกแล้ว) แต่สิ่งที่ AIS จะทำก่อน และจะเริ่มทำเลยตั้งแต่วันนี้ นั่นคือเอา 2600 MHz มาเปิดให้บริการ 4G ในรูปแบบ TDD-LTE เช่นเดียวกับ 2300 MHz ของ dtac และ TOT พร้อมกับการวางเครือข่ายแบบ SA เพื่อใช้ 5G ด้วย

สาเหตุที่ AIS เลือกเอา 2600 MHz มาใช้งานกับ 4G ก่อน เป็นเพราะ AIS มองว่าเป็นแนวทางที่ลูกค้าจะได้ประโยชน์มากที่สุด เพราะปัจจุบัน AIS มีลูกค้า 4G อยู่กว่า 29.8 ล้านราย และ 53.7% ของลูกค้ากลุ่มนี้ หรือราว ๆ 16 ล้านราย ถือเครื่องที่รับสัญญาณ TDD-LTE 2600 (Band 41) อยู่แล้ว ฉะนั้น AIS จึงขอเพิ่มประสิทธิภาพให้ลูกค้ากลุ่มนี้ใช้งาน 4G ได้ดีมากขึ้น ด้วยการวางโครงข่าย 4G บนคลื่น 2600 MHz ใหม่อีกรอบ โดยเน้นพื้นที่ที่มีการใช้งานไม่หนาแน่น พื้นที่ที่มีเพียงแค่ 4G 1800 MHz ควบคู่กับการวางเครือข่ายในพื้นที่ EEC ตามเงื่อนไขหลักของการประมูลในรอบนี้

และต้องขอบคุณของเล่นใหม่ที่ชื่อว่าเทคโนโลยี “Dynamic Spectrum Sharing” (นี่ก็เพิ่งรู้เหมือนกัน… กราบคุณวศิษฐ์ ณ AIS มา ณ ที่นี้) ซึ่งเป็นเทคนิคการ Deploy เครือข่ายแบบ Dynamic ทำให้คลื่น 2600 MHz สามารถแบ่งโหมดการทำงานได้อย่างอิสระตามความต้องการในแต่ละพื้นที่ โดย AIS (อาจ)จะใช้เทคนิคนี้ในการวาง 5G ในบางพื้นที่ เช่นพื้นที่ที่มีการใช้งานหนาแน่น เพื่อให้การเปิด 5G แบบ SA สามารถทำได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการวางเครือข่ายแบบ NSA ตามที่หลาย ๆ ประเทศใช้กัน

ฉะนั้นสิ่งที่ลูกค้าจะได้เลย ก็คือความเร็ว 4G ที่เพิ่มขึ้นในบางพื้นที่ และบางพื้นอาจจะได้ใช้ 5G ในรูปแบบ SA (หรือ NSA) ที่ความเร็วดีกว่าปัจจุบันถึง 24 เท่า และ Latency ต่ำกว่าถึง 10 เท่าไปด้วยเพียงวางเครือข่ายใหม่ทั้งหมดครั้งเดียว และที่สำคัญสุด ๆ เลยคือ ด้วยปริมาณความถี่ที่มหาศาลขนาดนี้ ทำให้โครงข่ายของ AIS สามารถรับโหลดลูกค้าได้เพิ่มอีก 30 เท่าของจำนวนลูกค้าในปัจจุบัน เท่ากับว่าต่อจากนี้ไป จุดจี้ใจดำของ AIS อย่างเหตุ 3G 900 ที่เรียกว่าเป็นการขี่คอกันใช้ “จะไม่เกิดขึ้นอีกเลย”
สรุป "ทุกอย่าง คือพรมเขียวสู่การเป็น ที่ 1 ในยุค 5G"

วันนี้เรียกว่าเป็นการ Kick-off 5G ในมือ AIS อย่างแท้จริง ว่าต่อจากนี้ เราจะได้เห็น AIS เดินไปในทิศทางไหน และลูกค้าจะได้อะไรจาก 5G ในมือ AIS ซึ่งเราก็น่าจะเดาออกกันแล้วว่าจะได้เห็นอะไรจาก AIS บ้าง ผ่านการทดสอบเครือข่าย 5G อย่างต่อเนื่องในสองปีที่ผ่านมา ตาม 4 เรื่องหลัก 8 เรื่องย่อยตามภาพข้างล่างนี้

แต่เราจะได้เห็นทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกันเมื่อไหร่นั้น.. คงต้องรอ AIS แถลงใหญ่กันอีกทีว่าจะบริษัทเดินหน้าไปในทิศทางไหน แต่เชื่อครับว่า นี่อาจจะเป็นคำตอบที่ดีจาก AIS ก็ได้ ใครจะไปรู้ ^^