ติสท์อยากเขียน

ใช้ Roaming ไปต่างประเทศอย่างไร ให้สนุกตอนเที่ยว สบายใจตอนกลับ

เข้าสู่ช่วงปลายปีกันอีกแล้ว (ณ วันที่เขียนบทความนี้ก็จะเข้าเดือน 11 แล้ว) กิจกรรมยอดนิยมที่หลายคนชอบทำกันปลายปีนี้ เพื่อคลายเครียด พักผ่อน ไปจนถึงให้รางวัลกับตัวเอง นั่นคือการไปเที่ยวต่างประเทศ ถ้าย้อนกลับไปสัก 5 ปีที่แล้ว การพก Smartphone ไปเที่ยวต่างประเทศ มือถือของเราคงมีประโยชน์แค่ ถ่ายรูปตอนเที่ยว กับรอหา Wi-Fi ร้านกาแฟ โรงแรม แล้วค่อยใช้มือถือ 

แต่ปัจจุบันนี้ หลายคนอาจไม่ทราบว่า ราคาแพคเกจ Roaming ต่างประเทศของทุกเครือข่ายในไทย ราคาลงมาอยู่ในจุดที่คุ้มที่จะจ่าย อาจจะไม่ถูกที่สุด แต่ถ้าในแง่ความสะดวกแล้ว มันสะดวกจนเหมือนใช้มือถืออยู่ที่ไทย ไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์ หรือวิ่งหาซิมการ์ดที่ประเทศที่จะไปให้วุ่นวาย เพื่อให้เข้าใจกันง่ายขึ้น ผมจะเล่าถึงวิธีรวม ๆ ที่ทำให้การสมัคร Roaming ไปใช้งานต่างประเทศ เป็นเรื่องง่าย สบายใจตอนเที่ยว และสบายใจตอนกลับมาถึงไทยแน่นอน 

เช็คแพคเกจ+สมัคร ก่อนเดินทาง

ก่อนจะเดินทางสัก 2 วัน ควรมีการตรวจสอบค่าใช้จ่ายว่า ประเทศที่จะไปคือประเทศอะไร โดยแต่ละเครือข่าย สามารถเช็คค่าใช้จ่ายในลิงค์ดังต่อไปนี้ 

สำหรับประเทศที่เลือกให้ดูเป็นตัวอย่างในบทความนี้ เป็นสิงคโปร์ ซึ่งแต่ละเครือข่าย จะเสนอโปรโมชั่นให้ ซึ่งการสมัคร สามารถทำได้ทั้ง ผ่านหน้าเว็บโดยตรง / Call Center และที่สาขาของเครือข่ายที่เราใช้งาน 

ตัวอย่างซิมการ์ดสำหรับใช้งานต่างประเทศจากผู้ให้บริการ

ในบทความนี้ ผมจะไม่พูดว่า ใครถูกกว่า แพงกว่า เพราะนั่นขึ้นอยู่กับคุณผู้อ่านว่า ใช้เครือข่ายไหนอยู่ สะดวกกับการพกเบอร์ไหนไปเที่ยวเป็นหลัก ทั้งนี้ ควรสมัครก่อนเดินทางประมาณ 2 วัน เพราะการคิดค่าบริการ Roaming ของทุกเครือข่าย จะเริ่มต้นและสิ้นสุดในแต่ละวัน ตามเวลาประเทศไทย (ยกเว้น TrueMove H ที่ตัดทุกเที่ยงคืนของประเทศนั้นๆ) ฉะนั้น จึงควรสมัครให้ครอบคลุมถึงวันที่เดินทางไปถึง และวันที่กลับ ถึงแม้นจะอยู่ไม่ครบวัน เพื่อป้องกันเน็ตรั่วเนื่องจากไม่มีแพคเกจการใช้งาน

ทั้งนี้ หากไม่เคยใช้งาน Roaming มาก่อน ระบบจะตรวจสอบซิมการ์ดว่า สามารถใช้งานกับ Roaming ได้หรือไม่ ซึ่งหากใช้งานไม่ได้ สามารถไปเปลี่ยนที่ศูนย์บริการใกล้บ้าน หรือเปลี่ยนที่ศูนย์บริการที่สนามบินทั้งสุวรรณภูมิและดอนเมืองได้เช่นกัน 

เปิดการใช้งาน Roaming + เลือกเครือข่ายให้ถูกต้อง

หลังจากสมัครแล้ว ผู้ใช้งานจะต้องเปิดการตั้งค่า Roaming ในเครื่องก่อนจะใช้งาน​ โดยการตั้งค่าใน iOS และ Android สำหรับการใช้งาน Roaming มีดังนี้

iOS

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Cellular  ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Cellular Data Options และเปิดใช้งานที่หัวข้อ Data Roaming

Android

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Connections ตามด้วย Mobile Networks และเปิดใช้งานที่หัวข้อ Data Roaming สำหรับ Android รุ่นอื่น ๆ ถ้าไม่เจอตามวิธีดังกล่าว ให้ค้นหาที่ในเมนูการตั้งค่าด้วยคำว่า “Data Roaming” ได้เลย

หลังจากตั้งค่าเสร็จแล้ว สิ่งสำคัญเมื่อไปถึงประเทศที่ใช้งาน คือการเลือกเครือข่ายใช้งาน ไม่ว่าจะ dtac / AIS / TrueMove H ต่างมีพันธมิตรในแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน ตัวอย่างเช่นผมจะไปสิงคโปร์ เมื่อไปถึงแล้ว จะต้องเลือกเครือข่ายดังต่อไปนี้

  • dtac ต้องใช้กับ StarHub / M1
  • AIS ต้องใช้กับ SingTel 
  • TrueMove H ต้องใช้กับ StarHub 

โดยการตั้งค่าเครื่องให้จับกับเครือข่ายโดยเฉพาะ เมื่อไปถึงประเทศที่ใช้งานมีดังนี้ 

iOS

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Carrier ตามด้วยปิดหัวข้อ Automatic และรอสักครู่ใหญ่ๆ (อาจจะนานถึง 3 นาทีขึ้นไป) แล้วชื่อเครือข่ายทุกเจ้าจะปรากฎขึ้นมา จากนั้นแตะเลือกเครือข่ายที่ต้องใช้ได้เลย

Android

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Connections ตามด้วย Mobile Networks ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Network Operators แตะเลือก Search Networks และรอสักครู่ใหญ่ๆ (อาจจะนานถึง 3 นาทีขึ้นไป) แล้วชื่อเครือข่ายทุกเจ้าจะปรากฎขึ้นมา จากนั้นแตะเลือกเครือข่ายที่ต้องใช้ได้เลย

สำหรับ Android รุ่นอื่น ๆ ถ้าไม่เจอตามวิธีดังกล่าว ให้ค้นหาที่ในเมนูการตั้งค่าด้วยคำว่า “Network Operators” ได้เลย

ในกรณีที่เราไม่ต้องการใช้งานโรมมิ่งในต่างประเทศ แนะนำให้กด *106# โทรออกก่อนเดินทาง เพื่อดำเนินการปิดบริการอินเทอร์​เน็ต ทำให้ไม่เกิดค่าใช้จ่ายแฝงเมื่อเดินทางไปต่างประเทศ

Wi-Fi Calling ตัวช่วยเรื่องโทรศัพท์

สิ่งสำคัญที่อยากให้ทุกคนเปิดใช้งานควบคู่ไปด้วย นั่นคือ Wi-Fi Calling โดยการเปิดใช้งานบริการนี้ ต้องเปิดใช้งานที่ไทยก่อน ถึงจะนำไปใช้งานที่ต่างประเทศได้ โดยทุกเครือข่ายในไทยตอนนี้ รองรับ Wi-Fi Calling แล้ว โดยการตั้งค่ามีดังนี้ 

iOS

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Cellular ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Wi-Fi Calling และเปิดใช้งานได้ทันที (อาจมีการให้ยอมรับเงื่อนไขการใช้งานจากเครือข่ายเมื่อเปิดการตั้งค่า) 

Android

เข้าไปที่ Settings ตามด้วยแตะที่หัวข้อ Connections ตามด้วย Mobile Networks และเปิดใช้งานที่หัวข้อ Wi-Fi Calling สำหรับ Android รุ่นอื่น ๆ ถ้าไม่เจอตามวิธีดังกล่าว ให้ค้นหาที่ในเมนูการตั้งค่าด้วยคำว่า “Wi-Fi Calling” ได้เลย

ในส่วนของรุ่นที่ไม่ได้รองรับ Wi-Fi Calling ผ่านตัวเครื่องโดยตรงนั้น สามารถดาวน์โหลดแอปฯ Wi-Fi Calling มาใช้งานทดแทนได้จาก Google Play Store

การเปิดใช้งาน Wi-Fi Calling ทำให้เมื่อมือถือจับสัญญาณ Wi-Fi ของโรงแรม ร้านกาแฟ ฯลฯ ได้แล้ว เราสามารถโทรศัพท์กลับมาไทยได้เหมือนอยู่ไทยตามปกติ ซึ่งช่วยให้การคุยธุระสำคัญ สะดวกการโทรแบบ Roaming ปกติ ซึ่งถ้าด่วนจริง การโทรผ่าน 4G ที่ซื้อ Roaming ไว้ ก็ถือว่าพอแก้ขัดได้อยู่เช่นกัน เอาเป็นว่า เปิดไว้ใช้ก็ไม่เสียหลายแน่นอนครับ

เร็วหรือช้า ไม่เกี่ยวกับที่ไทย

ยังมีหลายคนที่อาจเข้าใจว่า การใช้งาน Roaming ที่ต่างประเทศ แล้วเจออาการเน็ตช้า คือความผิดของเครือข่ายที่ใช้ที่ไทย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว คุณภาพการใช้งาน ขึ้นอยู่กับเครือข่ายในพื้นที่นั้น ๆ 

สมมุติ ผมใช้ dtac ที่สิงคโปร์ ซึ่งต้องใช้กับ StarHub แล้วใช้งานไม่ได้ หรือช้า ปัญหาดังกล่าว ไม่ได้เกิดจาก dtac แต่เกิดจาก StarHub ซึ่งแนวทางแก้ปัญหาเบื้องต้นของผู้ใช้งาน ทำได้ตั้งแต่การปิดเครื่อง เปิดใหม่ / Reset Network Settings / เลือกเครือข่ายอื่น (ในกรณีตัวอย่าง คือการสลับไปลองใช้ M1 แทน) 

ถ้าเกิดเหตุการณ์ใช้งานไม่ได้ขึ้นมา สามารถติดต่อกลับ CallCenter ของเครือข่ายที่ไทยได้ฟรี เพื่อให้ประสานงานแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน โดยเบอร์ติดต่อกลับมาไทยดังนี้

  • dtac : +66-2-202-8100
  • AIS : +66-2-217-9000
    (ฟรีเฉพาะลูกค้า Serenade ลูกค้าปกติคิดในอัตราการโทรกลับหมายเลขในประเทศไทย)
  • TrueMove H : +66-89-100-1331

ใช้ได้แค่บนพื้นดินเท่านั้น

อย่าพึ่งงงกับหัวข้อนี้ แต่เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับประสบการณ์ใช้งานของคนในครอบครัวผมมาแล้ว โดยการไปเที่ยวยุโรป ซึ่งมีการเดินทางด้วยเรือไปอีกประเทศหนึ่ง การอยู่กลางทะเลเพื่อไปอีกประเทศหนึ่ง ซึ่งไม่อยู่ในพื้นที่รองรับของเครือข่ายไหนเลย ทำให้การใช้งานที่เกิดขึ้นบนเรือ เป็นการใช้งานนอกเหนือที่สมัครไป และพอกลับมาไทย ก็ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายส่วนนี้อย่างโดยดี เพราะเป็นความผิดพลาดของผู้ใช้งานเอง (แต่ในภายหลัง ก็ได้รับเสนอส่วนลดช่วยเหลือที่เรียกว่า เจ็บน้อยมากทีเดียวครับ ^^”)

ฉะนั้นแล้ว ถ้าในการเติมทางครั้งนั้น มีการเดินทางข้ามไปประเทศที่สอง ที่สาม ไม่ว่าจะด้วยเครื่องบิน หรือทางเรือที่มีระยะทางไกลๆ แนะนำให้ปิดเน็ตไปจนกว่าจะถึงพื้นดินของประเทศที่สอง ที่สาม ที่จะไปนะครับ

ส่งท้าย

ก่อนอื่น ต้องย้ำจุดประสงค์ของบทความนี้กันอีกรอบว่า เราไม่ได้นำเสนอว่า การใช้งาน Roaming คือการใช้งานที่ถูกที่สุด แต่สิ่งที่ได้รับจากประสบการณ์ของการสมัคร Roaming คือความสะดวก ไม่ต้องเปลี่ยนเบอร์ให้วุ่นวายเพื่อการไปเที่ยว ทุกอย่างสะดวกเหมือนใช้มือถือที่ไทย เพียงแค่สมัครให้ครอบคลุมทั้งวันที่เดินทาง วันที่อยู่ต่างประเทศ / เลือกเครือข่ายให้ถูก เพียงเท่านี้ ทริปที่เรากำลังเดินทาง จะมีแต่ความสนุก เพราะมือถือของเราเล่นได้เหมือนอยู่ในไทยเช่นกัน 

หวังว่าบทความนี้ จะทำให้ทุกทริปที่จะเดินทาง สมัคร Roaming แล้ว ติดต่อสะดวก ทำอะไรก็สะดวกในทุกการเดินทางกันนะครับ ^^

ท้ายที่สุดนี้ต้องกล่าวขอบคุณทั้งทาง dtac และ AIS ที่ได้สนับสนุนแพ็คเกจโรมมิ่งและซิมโรมมิ่งให้กับทั้งผมและทีมงาน Gadguan ได้นำไปใช้งานในต่างประเทศจนเกิดบทความนี้ขึ้นด้วยนะครับ ^^

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^