ตอนที่ผมกำลังกระแทกนิ้วพิมพ์อยู่ตอนนี้ คือต้นเดือนมิถุนายน ครึ่งปีแล้ว เวลามันไวเหลือเกิน จนบางทีก็ตกใจตัวเองว่า เออ ยังไม่ได้ทำอะไรตั้งเยอะเลย เดือนนี้สำหรับคนติดตามเรื่องเทคโนโลยี ก็ต้องรอชมงาน WWDC ของ Apple แน่นอน งานนี้เป็นงานที่ Apple จัดให้เหล่านักพัฒนาซอฟท์แวร์ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ทิศทางที่ Apple จะทำกับ OS ของตัวเอง
ถึงงานนี้จะเป็นของนักพัฒนา แต่ก็มีหลายสิ่งที่เป็นข้อความสะท้อนบอกถึงแฟน สาวก ลูกค้าที่ใช้สินค้า Apple เอาไว้อยู่พอสมควรเสมอ และสำหรับในปี 2018 นี้ สิ่งที่ Apple บอกกับเรานั้นคือ
ไม่แจกแพง่าย ๆ เพิ่มเติมคือต้องดีกว่าเดิม
สิ่งที่ทำให้ Apple ได้รับความนิยมจากผู้ใช้มาตลอด คือการดูแล Software กับ Hardware ให้ใช้งานกับเทคโนโลยีล่าสุด ให้ต่อเนื่องนานที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ว่าจะคอมพิวเตอร์ Mac ที่ OS รองรับได้นานจนบางทีเครื่องพังไปก่อนแล้ว มาถึง iOS ที่ใช้กับ iPhone / iPad ก็พยายามทำให้เครื่องใช้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ด้วยสเปคเครื่องที่เปลี่ยนแต่ละครั้ง เร็วขึ้นเฉลี่ยทีละ 2 เท่า ทำให้ทุกครั้งที่ออก OS รุ่นใหม่ พอลงเครื่องรุ่นที่เก่ากว่า จึงเกิดวลีเด็ดว่า “วางยาให้อืดนี่หว่า” เสมอ และ Apple เอง พยายามโปรโมททุกครั้งที่ออก OS ใหม่ว่า “เราปรับปรุงประสิทธิภาพนะ” แต่ความรู้สึกของผู้ใช้งานส่วนใหญ่ ก็ไม่เห็นรูปธรรมจากการปรับปรุงตรงนี้
ใน iOS12 เรื่องนี้ถูกยกเป็นประเด็นแรกสุดในการเล่าถึง การทำ iOS12 ให้ทำงานลื่นให้ได้ตั้งแต่เครื่องที่เก่าสุดในตระกูล 64bit อย่าง iPhone 5s ไปจนถึงความพยายามที่จะให้ทุกการใช้งานในเครื่องรุ่นเก่า ๆ ต้องลื่นเป็นปกติให้ได้มากที่สุด ซึ่งถ้าคิดว่าเป็นเรื่องแรกที่ยกมาพูด ก็ถือว่า Apple รู้ปัญหาตัวเอง ยอมรับ และแก้ไขจริง ๆ อยู่
หาก iOS12 ตัวเต็มที่จะปล่อยมา ได้รับเสียงตอบรับจากผู้ใช้ทั่วไปว่า “หายอืดนะ” ภาพของความเสถียรที่ Apple เคยสร้างไว้อย่างแข็งแรงในอดีต และกำลังหายไปเรื่อย ๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมา น่าจะได้รับการกู้หน้าก็จาก iOS12 แน่นอนครับ
AR เป็นเรื่องที่ทุกคนเข้าถึงได้จริง
ถ้าพูดเรื่อง AR เมื่อสักปีสองปีที่แล้ว คงมีแต่คนที่ Geek พอ หรือชอบเรื่องพวกนี้จริง ๆ ที่คุยกันสนุกสนาน หรือถ้าเอาไปคุยกับเพื่อน ก็คงมีไว้โชว์ให้ว๊าวแล้วจากไป แต่งานรอบนี้ ด้วย Hardware ของ iPhone กับ iPad ที่ผ่านมาสักรุ่นสองรุ่นล่าสุด สามารถใช้งาน AR แบบใช้จริงได้ การนำเสนอตัวอย่างเช่น กีตาร์ที่ซื้อ วางในห้องจะใหญ่แค่ไหน / ไม้บรรทัดจำลองจากการใช้กล้องถ่ายรูป วัดขนาดวัตถุเชิงมิติได้ / ตัวต่อ Lego ที่วางไว้บนโต๊ะ จะกลายเป็นเกมได้ / Animoji กับ Memoji ที่ปะแทนหน้าเรา แล้ว FaceTime ได้อย่างลื่นไหล ก็ต้องใช้ AR เข้าช่วยในการปะหน้าเราให้พอดีด้วย
สิ่งที่นำเสนอในงาน เป็นการบอกว่า ต่อไปนี้ AR จะถูกประยุกต์มาอยู่ในชีวิตประจำวันมากขึ้น ลองคิดถึงเสื้อผ้าขนาดจริง แล้วใช้ AR ในการลองสวมกับตัวเราผ่านกล้อง ว่าพอน่าจะใส่ได้ดีแค่ไหน / เกมที่เล่นสมจริงมากขึ้น / การใช้งานเฉพาะทางในหลายวงการ ที่ทำงานได้ง่ายขึ้นจากการจำลองเสมือนจริง
ลองคิดถึงการประยุกต์ในสิ่งเก่า ๆ ที่เราเคยต้อง คิดว่า กะว่า ให้กลายเป็นจริงหรือใกล้เคียงขึ้น ก็คงดีใช่ไหมครับ
เลิกถามเรื่อง iOS รวมกับ macOS เถอะ ที่ถูกต้องคือ…
ในเวลาที่ระบบปฎิบัติการเจ้าอื่น พยายามทำเป็นระบบเดียว ใช้ได้ทุกอุปกรณ์ กระแสนี้ก็แอบกดดันให้ Apple ควรจะทำ OS ที่ผสม iOS กับ macOS เข้าไปเลยดีกว่าไหม? ในเมื่อ iOS แข็งแรงมากในตลาด ถูกใช้ทดแทน OS ฝั่ง PC เดิม ๆ ก็เยอะ ส่วน macOS ก็ดูเงียบลง ไม่ใช่กระแสหลักอีกต่อไป งั้นรวมเลยดีกว่าไหม?
ในงานนี้ เหมือน Apple จะรำคาญจริง ๆ แล้ว ที่ถามกันอยู่ได้ ก็เลยตอบด้วยภาษาโปรแกรมเมอร์มันเลยว่า “ไม่รวม OS แน่นอน” แต่ที่รวมกันนั้น คือคำตอบบนเวทีว่า โดยปกติ การพัฒนา App สักตัวบน iOS หรือ macOS จะใช้โครงสร้างที่ไม่เหมือนกัน แต่ในปี 2019 ทาง Apple จะออกเครื่องมือที่ทำให้เอา App บน iOS ซึ่งมีเยอะมาก กลายร่างมาเป็น App ที่ใช้บน macOS ได้เลย เพียงแค่แก้หน้าตาให้รับกับจอสี่เหลี่ยมแบบ Mac กับแก้ให้สั่งงานผ่านคีย์บอร์ด / Mouse กับ TrackPad แบบ Mac ได้ ก็พอแล้ว
สิ่งที่ Apple ตอบมาก็คือ เกมที่เราเล่นสนุกบน iPhone จะได้เล่นบน Mac ที่เราใช้ App แต่งรูปที่เราชอบมากใน iPhone ก็จะแต่งรูปใน Mac ได้ ฯลฯ ที่เราใช้บน iPhone จะได้ใช้บน Mac ซึ่งนั่นเท่ากับช่วยเพิ่มอีกคำตอบให้กับโลกด้วยว่า
“Apple ไม่ทิ้ง Mac แน่นอน”
ทุกข้อมูลปลอดภัยเมื่อใช้ Apple
เรื่องสุดท้ายซึ่งผมคิดว่าดีมากคือ ในเวลาที่ข่าวเรื่องข้อมูลส่วนบุคคลหลุด ถูกขโมย เริ่มเกิดขึ้นกับสิ่งที่น่าเชื่อถือได้อย่าง Facebook หรือ App ดัง ๆ ขึ้นมาแล้ว Apple ย้ำจุดนี้หนัก ๆ เลยว่า คนใช้ macOS / iOS ต้องได้รับการคุ้มครองข้อมูล ทุกส่วนของ Hardware และ Software ที่ Apple ทำ ต้องมีส่วนในการป้องกันข้อมูลส่วนบุคคล ต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของเครื่องตัวจริง ก่อนกรอกข้อมูลไปที่ไหนก็ตามบนโลกไซเบอร์ทุกกรณีเท่านั้น และ Applw ใช้คำว่า “ทุกเครื่องของ Mac และ iOS ปกป้องเหมือนกันหมด”
เป็นการบอกว่า Hardware กับ Software เจ้าอื่นจะดีแค่ไหนไม่รู้ แต่ถ้าใช้ของ Apple ข้อมูลผู้ใช้งาน ต้องปลอดภัยทั้งหมดจริง ๆ
และสุดท้ายนี้ ผมอยากบอกว่า WWDC2018 ก็เหมือนทุกปีในช่วงหลังที่สาวก แฟน สื่อ นักวิจารณ์แท้ เทียม เทียมเกรด AAA บ่นกันว่า “ไม่ว๊าวเลย” ก็ใช่ครับ ไม่ได้ว๊าว แต่ปีนี้ ดูจบแล้วสบายใจกว่าบางปีที่ผ่านมา
เพราะทุกอย่างในงาน ดูจับต้องได้เสมอตามแนว Apple นั่นเอง : )