หนึ่งในไฮไลต์ใหญ่ของงาน PlayStation Experience 2018 South East Asia เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาคือการปรากฎตัวของนักแสดงผู้รับบท Connor ในเกม Detroit: Become Human อย่าง Bryan Dechart และภรรยา Amelia Rose Blaire ผู้รับบท Traci ในเกมนั่นเอง ทั้งคู่ได้มีโอกาสมาเที่ยวที่ประเทศไทยเป็นครั้งแรกในชีวิต และถือเป็นการฮันนีมูนหลังแต่งงานด้วย แต่ก่อนจะเข้าสู่ช่วงพักร้อน Bryan ก็ขอมาพบกับทีม #ConnorArmyTH กันก่อนดีกว่า
ก่อนอื่นขออธิบายว่าทีมงานได้มีโอกาสเข้าไปร่วมฟังสัมภาษณ์กับ Bryan Dechart และ Amelia Rose Blaire เป็นระยะเวลาสั้น ๆ เนื่องจากทางทีมงานของ PlayStation Asia ได้เตรียมคำถามเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว และระยะเวลาในการสัมภาษณ์ค่อนข้างกระชั้นชิด ประกอบกับทาง Sony ไม่อนุญาตให้มีคำถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว เพราะฉะนั้นบทสัมภาษณ์ที่จะได้อ่านต่อไปนี้ จะเป็นบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับความรู้สึกในเกมล้วน ๆ ครับ
Q: ทั้งสองคนมารับบทเป็นตัวละครภายในเกมนี้ได้อย่างไร?
Bryan ได้อธิบายว่า การเข้ามาแคสบทภายในเกมนี้ เขาต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก และใช้เวลาแคสค่อนข้างนาน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ David Cage (ผู้กำกับ) ค่อนข้างเขี้ยวเรื่องอารมณ์ของตัวละคร เพราะในขั้นตอนการทำ Motion Capture เกมเขาจะต้องเล่นให้แข็งเหมือนหุ่นยนต์ แต่ต้องมีอารมณ์ภายในเหมือนมนุษย์คนหนึ่ง ส่วนบทที่ได้แคสก็ไม่ไกลตัวมาก ทุกคนที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งภายในเกมนี้ต้องเจอบทนี้เสมอ นั่นคือบทพูดของ Kara ใน Tech Demo ของ PlayStation 3 เมื่อปี 2012 (เป็นเนื้อเรื่องพิเศษที่ขยายมาเป็นตัวเกมทีหลัง) ตอนที่กำลังจะถูกรื้อชิ้นส่วนและปิดการทำงาน แต่ Kara ต้องอ้อนวอนขอร้องว่า “อย่าปิด”
วิดีโอข้างบนนี้เล่นโดย Valorie Curry (รับบท Kara ภายในเกมด้วย) ตัว Bryan เองบอกว่าต้องใช้เวลาในการแคสถึง 5 รอบ กว่าจะได้รับเลือกให้เล่นเป็น Connor ในที่สุด
Q: บทพูดของตัวละครในเกมกว่า 2,000 หน้า ทั้งสองคนจัดการยังไง?
Bryan กล่าวว่าเรื่องบทในเกมนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างปวดหัว เพราะการเล่นจะต้องเล่นซีนเดิม ๆ ซ้ำถึง 4 รอบ ตามสถานการณ์ที่ผู้เล่นเลือก เขาใช้วิธีการจำด้วยปุ่มของ DualShock แทน ว่าเมื่อผู้เล่นกดปุ่มนี้ตัวละครก็ต้องเล่นบทตามนี้ และก็มีการใช้สีไฮไลต์เพิ่มเติมเพื่อแยกว่าบทที่กำลังจะเล่นนั้นเป็นบทในอารมณ์แบบคนหรืออารมณ์แบบหุ่นยนต์
Amelia กล่าวเสริมว่าสำหรับ Bryan เอง เขาเป็นคนที่มีความจำดีมาก ตอนที่เขาต้องไปถ่ายทำที่ปารีส แต่ตัวเองอยู่ที่ LA Bryan ใช้วิธีการ Skype คุยกันเพื่อต่อบทช่วงนั้น ๆ อารมณ์มันจะเหมือนกับว่า Amelia เองก็เป็นโค้ชที่ช่วยติวบทต่าง ๆ ให้ด้วย
Q: ให้เทียบกันกับขั้นตอนในระหว่างการถ่ายทำ การถ่ายละคร กับการทำ Motion Capture สำหรับตัวละครภายในเกมเหมือนหรือต่างกันอย่างไร?
Amelia กล่าวว่าการถ่ายทำแบบ Motion Capture เราไม่ต้องทำอะไรมาก ไม่ต้องมีการจัดเสื้อผ้า หน้า ผม เรียกว่าไม่ต้องแต่งตัวอะไรมาก ซึ่งไม่เหมือนกับการถ่ายละครที่ต้องมีการจัดเซ็ต แสง สี และสภาพตัวละคร แต่การถ่ายทำเกมกับละครก็ต้องใช้พลังงานที่เยอะพอกัน และการทำงานก็เหนื่อยไม่แพ้กัน
Bryan กล่าวเสริมว่าความยากในการถ่ายเกมนี้ คือนักแสดงจะต้องถ่ายวนในซีนเดิมให้ครบตัวเลือกที่ผู้เล่นสามารถกำหนดได้ และในแต่ละรอบก็ต้องใช้อารมณ์ที่ไม่เหมือนกันด้วย อย่างเช่นถ่ายซีน A สามเหลี่ยมเสร็จ ก็ต้องถ่ายซีน A วงกลมต่อทันที วนอยู่แบบนี้จนกว่าจะเสร็จสิ้นทั้งซีน A แล้วก็ทำอารมณ์เพื่อถ่ายซีน B ต่อไป
Q: ทั้งสองคนมีเทคนิคในการทำงานร่วมกันอย่างไร? และขั้นตอนการถ่ายทำเป็นอย่างไร?
Bryan กล่าวว่าการถ่ายทำแบบ Motion Capture ผู้แสดงจะต้องใส่ชุด Motion Cap (เป็นชุดสีดำที่มีจุดเซ็นเซอร์เต็มร่างกายหมด) และต้องติดเซ็นเซอร์เพิ่มที่ใบหน้าเพื่อเก็บการเคลื่อนไหวบนใบหน้าด้วย แต่การถ่ายทำจริงจะไม่เหมือนกับการถ่ายละคร เพราะผู้แสดงสามารถเล่นคนเดียวไปได้เลย หรือสามารถเล่นกันแบบต่างเวลาได้เลย เช่นในบทเดียวกันคนหนึ่งสามารถเล่น ณ เวลาหนึ่งได้ และอีกคนก็สามารถเล่นที่อีกเวลาหนึ่งได้โดยไม่ต้องเข้าหน้าเซ็ตพร้อมกัน เพราะขั้นตอนหลังจากนี้จะเป็นขั้นตอนของฝ่ายกราฟิกและทีมพัฒนาที่ต้องนำฟุตเทจตัวนี้ไปผสานกับตัวละครที่สร้างไว้ภายในเกม
แต่การถ่ายทำฉากร่วมกันระหว่าง Bryan และ Amelia ที่ถ่ายตรงกันในช่วงเวลาเดียวกันก็สนุกมาก เพราะเขาสามารถแสดงอารมณ์ออกมาได้อย่างเต็มที่ต่อหน้าผู้แสดงอีกคนได้เลย
Q: คิดว่าอะไรคือจุดเด่นของ Detroit: Become Human?
Bryan ตอบคำถามนี้แบบสบาย ๆ ว่า จุดเด่นของเกมนี้คือการที่ผู้เล่นสามารถเลือกได้ เพราะทุกตัวเลือกก็จะมีเหตุการณ์ที่ต่างกันและมันก็แตกต่างกันในทุกการตัดสินใจของผู้เล่น ทำให้ผู้เล่นได้ดูเนื้อเรื่องที่ไม่ต่างกันเลยในแต่ละฉาก มันก็เหมือนกับผู้เล่นเทกล่องของเล่นออกมาแล้วค่อย ๆ ใส่กลับเข้าไปใหม่ ที่ผู้เล่นต้องเลือกว่าจะหยิบอะไรใส่ก่อนหลังเป็นต้น
Q: คุณ (Bryan) รู้ใช่ไหม? ว่าในไทย Connor เป็นที่ชื่นชอบมาก?
“ขอบคุณแฟน ๆ ชาวไทยมากครับ” นี่คือประโยคแรกที่เขาพูดก่อนเล่าว่าบท Connor เป็นอะไรที่เข้าใจได้ยากพอสมควร ตัวเขาเองก็ต้องเล่นให้สมจริงที่สุดเท่าที่จะจริงได้ อีกอย่าง David Cage ก็บรีฟรายละเอียดของตัวละครนี้เป็นอย่างดี ว่า Connor จะต้องเป็นคนยังไง แต่จุดสำคัญคือการเคลื่อนไหวของผู้แสดงจะต้องสมจริงมากที่สุด ดังเช่นฉากตบหน้าเพื่อปลุก Hank Anderson (รับบทโดย Clancy Brown) ถ้าคนปกติเราจะไม่ค่อยตบแรง จะใช้วิธีตบเบา ๆ เพื่อให้เขารู้สึกตัว แต่ถ้าเป็น Connor ที่เป็นหุ่นยนต์ ก็ต้องตบแบบลงน้ำหนักจริงเพื่อให้เห็นว่าการเคลื่อนไหวระหว่างคนกับหุ่นยนต์นั้นต่างกันอย่างไร
Q: ปัจจุบันเราเห็นดารานักแสดงมารับเล่นเป็นตัวละครในเกมกันมากขึ้น นี่เป็นปรากฎการณ์หรือเป็นจุดเปลี่ยนอะไรของวงการบันเทิงหรือเปล่า?
Bryan มองว่าเรื่องนี้ไม่ใช่จุดเปลี่ยนของวงการบันเทิง แต่มันเป็นเรื่องของอนาคต เขาเองก็รู้สึกตื่นเต้นมาก ๆ ที่ได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเกมนี้ เพราะเขาได้เห็นวิธีการสร้างที่ดูน่าตื่นเต้นและดูไม่เหมือนกับเกมอื่นก่อนหน้านี้ (Mafia 3) ที่เขาได้ทำแค่อัดเสียงพากย์ตัวละครเท่านั้น และเขายังคิดว่าด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน น่าจะทำให้งานดิจิทัลในอนาคตทำออกมาได้ดีขึ้นอีกด้วย
Q: ทั้งสองคนมีคำแนะนำอะไรสำหรับนักแสดงรุ่นใหม่ ๆ ที่จะเข้ามารับบทบาทเป็นตัวละครในเกมบ้างหรือไม่?
ทั้ง Bryan และ Amelia ตอบเหมือนกันเลยว่าคนที่จะเข้ามารับบทตัวละครในเกม จะต้องฝึกการใช้ร่างกายเยอะ ๆ เพราะการถ่ายทำใช้ร่างกายค่อนข้างมาก ลักษณะการถ่ายทำก็ต่างกันมากเพราะในเกมคือคุณต้องถ่ายแบบ 360 องศาและต้องแสดงให้เห็นทั้งหมดแบบรอบตัว ซึ่งก็เหมือนกับการเล่นละครเวทีที่ผู้แสดงจะต้องแสดงให้เห็นในมุมมองที่ไม่ต่างกัน
Q: ถ้าเกิดว่าในอนาคตเร็ว ๆ นี้มีหุ่นยนต์แบบในเกมออกมาให้เลือกใช้งาน ทั้งสองคนจะหามาใช้งานหรือไม่?
Amelia กล่าวว่าถ้าเธอไม่ได้รับบทเป็นตัวละครภายในเกม เธอเองก็สนใจที่จะหามาใช้งานเพราะมันช่วยอำนวยความสะดวกได้หลายอย่าง แต่ในเมื่อเธอได้รับบทเป็นตัวละครในเกมนี้แล้ว เธอแทบไม่อยากให้หุ่นยนต์แบบนี้สามารถพัฒนาขึ้นมาได้สำเร็จ แต่ถ้าเกิดว่ามันเกิดพัฒนาออกมาได้จริง ๆ เธอก็อยากให้มันทำได้แค่ช่วยทำงานบ้านเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้เท่านั้น คงไม่อยากให้ความสามารถไปเยอะเหมือนกับ Kara
และสำหรับ Bryan เอง ถ้ามีหุ่นยนต์แบบนี้ขึ้นมาจริง ๆ เขาก็จะใจดีกับหุ่นตัวนั้น และปฏิบัติกับหุ่นตัวนั้นเหมือนกับบุคคลในครอบครัว เช่นเดียวกับการที่เขาพูดคุยกับ Siri (บน iPhone) แบบเพราะ ๆ ว่า “Wake me up at 8 am, please”
และทั้งหมดนี้ก็คือบทสัมภาษณ์ที่ทีมงานเราได้มีโอกาสพูดคุยกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนที่ทั้ง Bryan และ Amelia ต้องเตรียมตัวขึ้นเวทีกลางในช่วงเย็น แม้เป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ แต่การได้มานั่งพูดคุยกับ Bryan และ Amelia ในเรื่องนี้ก็ทำให้ได้เห็นมุมมองอีกด้านหนึ่งต่อตัวเกม Detroit: Become Human อย่างชัดเจน และเชื่อว่าผู้อ่านก็น่าจะได้เห็นในมุมที่ไม่ต่างจากทีมงานเช่นกัน
สุดท้ายแล้วใครที่อ่านบทสัมภาษณ์นี้ แล้วอยากลองเล่นเกม Detroit: Become Human ก็สามารถหาซื้อเล่นได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายของ Sony PlayStation ทุกแห่งทั่วประเทศครับ