ถอยกลับไปสัก 5-10 ปีที่ผ่านมา ถ้าเราจะหา Content เว็บ IT แล้วมีเรื่องรถยนต์โผล่มาผสมท่ามกลางเนื้อหา คอมฯ / มือถือ / เกม / แท็บเล็ต ก็คงต้องเรียกว่า นาน ๆ ที กันเลยทีเดียว และเช่นกันกับฝั่งเว็บรถยนต์ ที่ถ้ามีเรื่อง IT ไปโผล่ในนั้น ก็คงเรียกว่า นาน ๆ ที เหมือนกัน แต่ตอนนี้ รถยนต์ได้เพิ่มสถานะตัวเองจากเครื่องจักรเดินทาง เป็นเทคโนโลยีเคลื่อนที่อีกแขนงไปแล้ว
หลังจากได้ตามอ่านข่าวงาน CES2019 ในส่วนนี้ อนาคตของรถยนต์กับเทคโนโลยี จะให้สิ่งเหล่านี้กับเราครับ
เวลาของทุกคน อยู่บนถนนไม่แพ้ในบ้านหรือหน้าจอมือถือ
ในหนึ่งวัน เราเดินทางกันนานแค่ไหน…เชื่อเถอะครับ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยวิธีไหน เอาเวลามารวมกันต่อวัน ก็เรียกว่ามากจนน่าตกใจ ยิ่งการขับรถในเมืองใหญ่ เวลาที่เสียไปกับการจราจร การอยู่ในพื้นที่เหมือนห้องสี่เหลี่ยมแคบ ๆ แล้วเสียเวลาผ่านไป คงไม่ใช่อะไรที่ดีแน่นอน
หลายผู้ผลิต ถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนา Infotenment ในการใช้งานกับรถยนต์ แต่ก็ประสบปัญหาเรื่องหน้าตา ความเข้าใจในการใช้งานที่ยากเกินไป แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทุกคนพอจะใช้เป็น ใช้ได้ และกลายเป็นต้นแบบของการพัฒนา Infotenment ในรถยนต์ นั่นคือ “ระบบปฎิบัติการของโทรศัพท์มือถือ / Tablet” ไม่ว่าจะ iOS หรือ Android ก็ตาม ลักษณะหน้าตา การป้อนคำสั่ง ลำดับชั้นเมนูหลัก เมนูย่อย ได้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ Infotenment ในรถยนต์พัฒนามาจนใช้งานได้ดีขึ้น
นั่นทำให้ในงาน CES 2019 ค่ายรถที่มาออกงานรอบนี้ ต้องมีเรื่องของ Infotenment หน้าตาใหม่ ความสามารถใหม่ หรือความสามารถเดิม แต่ใช้งานได้สะดวกขึ้นผสานเข้าไปด้วย และความสามารถที่เร่ิมชัดเจน นอกจากอำนวยความสะดวกขณะขับรถแล้ว การเชื่อมต่อไปยังการจับจ่าย / ร้านอาหาร / โรงภาพยนตร์ / ข้อมูลที่จอดรถ ฯลฯ เป็นสิ่งที่ค่ายรถเล่าถึงมากขึ้น และคงเป็นความสามารถพื้นฐานที่ Infotenment ควรทำได้แน่นอน
ความปลอดภัย คือหัวใจของการเดินทาง
รถยนต์ เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว ยิ่งเร็ว ยิ่งอันตราย รวมถึงสารพัดอุบัติเหตุจากพาหนะ ก็เกิดจากการตัดสินใจของผู้ขับขี่เป็นหลัก ในเมื่อเทคโนโลยีรถขับอัตโนมัติยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นทางการ การลดความเสี่ยง หรือผ่อนจากหนักให้เป็นเบา ยังเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญอยู่ การพัฒนาระบบแจ้งเตือนในเหตุการณ์ที่จำเป็น มีผลต่อความปลอดภัย ไม่ว่าจะการเปลี่ยนเลน การแจ้งเดือนจุดบอดในการชับขี่ เตือนให้หยุด หรือช่วยหยุดในกรณีที่อยู่ในความเสี่ยงต่าง ๆ ถึงรถส่วนใหญ่ในตลาดที่ขายกัน จะมีความสามารถนี้กัน แต่การตอบสนองให้แม่นยำขึ้น หลากหลายมากขึ้น ยังเป็นสิ่งที่บรรดาค่ายรถ ต่างไล่หาความสมบูรณ์แบบให้มากขึ้น ง่ายต่อคนขับมากขึ้น รวมถึงพยายามทำให้ความเสี่ยงเป็นศูนย์จากความผิดพลาดของผู้ขับขี่ หรือผู้ร่วมถนนให้ได้เช่นกัน
เพราะความปลอดภัยที่ฉลาดมากขึ้น เป็นกุญแจที่ทำให้หัวข้อถัดไปสมบูรณ์ขึ้น
ขนส่งมวลชน อาจเป็นกุญแจสู่ระบบขับอัตโนมัติ
ตลอดสามปีที่ผ่านมา รถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ คือสิ่งที่ตื่นตาตื่นใจสำหรับใครที่ฝันไว้ แต่ ณ เวลานี้ ยังถือว่าเป็นแค่จุดเริ่มต้นของเทคโนโลยีนี้ ความแม่นยำในการขับขี่ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก รวมถึงการแก้ปัญหาในสถาณการณ์ที่ต้องอยู่ร่วมกับถนน ที่ตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นรถที่ควบคุมด้วยมนุษย์ ฉะนั้นแล้ว รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ หรือรถเพื่อการขนส่งมวลชน ซึ่งค่ายรถต่าง ๆ ที่มาออกงาน CES 2019 จะนำเสนอออกมา แล้วมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน คือ “รองรับการขับอัตโนมัติ” และโดยส่วนตัว ผมมองถึงความเป็นไปได้ตรงนี้ว่า น่าจะทำให้เทคโนโลยีนี้แพร่หลายได้ไวกว่ารถยนต์ส่วนบุคคล อันเนื่องมาจาก ราคาของเทคโนโลยี เพราะความสามารถแนวนี้ ปัจจุบันยังมีราคาที่สูง รถยนต์ที่มีให้ใช้ จึงน่าจะยังสงวนอยู่ในรถยนต์ราคาสูง
ในขณะเดียวกัน การใช้งานเชิงพาณิชย์กับเชิงขนส่งมวลชน มักมีเส้นทางการเดินทางที่ชัดเจน การฝึกระบบนี้ให้ทำงานแม่นยำกับเส้นทางที่กำหนดแล้ว ควบคุมความเสี่ยงได้ ก็น่าจะช่วยให้การเรียนรู้ในสถาณการณ์จริง ทำออกมาได้ดีขึ้นไปด้วย ฉะนั้นแล้ว เชื่อว่าเมื่อมีการใช้งาน เก็บประสบการณ์ ผสานกับเวลาที่มักทำให้เทคโนโลยีเข้าถึงได้กว้างขึ้น เราอาจใช้เวลาที่ไม่นานเกินไปกับรถยนต์ขับอัตโนมัติ รวมถึงได้ทิศทางที่ชัดเจนว่า มันควรเกิดมาเพื่ออะไร ช่วยแค่ไหนถึงจะเรียกว่ากำลังดี
เอาเป็นว่า แค่นี้ก็ทำให้งาน CES ปีถัด ๆ ไป หรือในอนาคตงานเทศกาลที่แสดงเทคโนโลยี จะต้องมีเรื่องของรถยนต์ผสานอยู่ในงานแน่นอนละครับ