ข่าวสั้น

เปิดตัว Samsung Galaxy Z Flip “เมื่อแฟชั่น ผสานกับเทคโนโลยีอย่างลงตัว”

ผ่านไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับงาน Galaxy Unpacked ก็อย่างที่ทุกคนคาดกันไว้ว่าในงานนี้ เราจะได้เห็น Samsung เปิดตัวของใหม่ 3 ชิ้น ก็เป็นไปอย่างที่คาดกันไว้จริง ๆ เรามาเริ่มกันที่ชิ้นแรกกันเลยดีกว่า กับ “Galaxy Z Flip” มือถือที่ได้ชื่อว่าเป็น “ก้าวต่อไป” ของ Foldable Phone ในมือ Samsung และยังเป็นรุ่นแรกของตระกูลใหม่ที่ Samsung จะใช้กับ Foldable Phone โดยเฉพาะ นั่นคือ “Galaxy Z”

Galaxy Z Flip ถูกสร้างขึ้นภายใต้นิยามที่ว่า ต้องการให้มือถือฟอร์มแฟคเตอร์ทั่ว ๆ ไปมีขนาดที่เล็กลง พกพาใส่กระเป๋าเสื้อได้ง่าย เพราะรายละเอียดลึก ๆ Galaxy Z Flip ไม่ได้ต่างไปจากมือถือทั่วไปมากนักเลย นั่นคือใช้จอใหญ่ 6.7 นิ้ว สเกลยาวเป็นพิเศษ 21.9:9 และเป็นหน้าจอแบบ Infinity Flex สามารถพับลงครึ่งหนึ่งเพื่อย่อขนาดตัวเครื่องให้เล็กลงได้

ความสนุกของ Galaxy Z Flip อยู่ตรงที่หน้าจอที่พับได้นี่แหละ ที่ทำให้ Samsung เกิดไอเดียในการใช้งานรูปแบบใหม่ขึ้นมา นั่นคือ “Flex Mode” โดยในโหมดนี้ เมื่อผู้ใช้หักจอลงครึ่งหนึ่ง (90-100 องศา) ตัวเครื่องจะแบ่งการแสดงผลออกเป็นสองหน้าจอ หน้าจอละ 4 นิ้ว โดยสามารถดูคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้จากหน้าจอบน และค้นหาหรือควบคุมการทำงานตัวเครื่องได้จากหน้าจอล่าง ซึ่งไม่ใช่แค่แอปฯ จาก Samsung เท่านั้นที่รองรับโหมดนี้ แต่ Samsung ยังร่วมมือกับ Google ในการพัฒนา Flex Mode ให้ฉลาดขึ้นไปอีก ด้วยการใส่ Flex Mode เป็นไกด์ไลน์ของ Android ในยุคนี้ เพราะ Samsung ไม่ได้มองแค่ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง แต่ยังเชื่อว่าจะมีผู้ผลิตที่ทำโทรศัพท์พับได้ทรงนี้ออกมาอีกในอนาคต (ไม่ใกล้ไม่ไกลก็ Motorola นี่แหละครับ ฮา)

นอกจาก Flex Mode แล้ว Z Flip ยังมีโหมดการทำงานอีกแบบหนึ่งที่ดีไซน์มาเฉพาะ นั่นคือ Multi-Active Windows ซึ่งเป็นตัวอัปเกรดของฟีเจอร์ Multi Windows ที่เราคุ้นเคยกัน โดยกรณี Z Flip จะใช้หลัก Flex Mode ในการแสดงผล 2 แอปฯ พร้อมกัน ทำให้เราสามารถใช้งานแอปฯ ได้อย่างเต็มที่ทั้งคู่ไม่ว่าจะอยู่หน้าจอไหน (จากเดิมที่จะต้องลากแบ่งว่าใช้จอไหนๆๆ)

นอกจากหน้าจอ Infinity Flex ที่เป็นไฮไลต์หลักประจำรุ่นแล้ว Galaxy Z Flip ยังมีหน้าจอที่สอง นั่นคือ Glance Display ที่บริเวณฝาพับ สำหรับใช้แสดง วัน/เวลา และสถานะแบตคงเหลือ รวมถึงยังสามารถแสดง Notification ที่สำคัญ ๆ เช่น สายโทรเข้า, ข้อความเข้า, อีเมลเข้า หรือการแจ้งเตือนสำคัญ ๆ ได้ และเราสามารถแตะข้อความนั้น ก่อนกางเครื่องออก เพื่อตอบกลับข้อความนั้นได้ทันที เช่นเวลาสายโทรเข้า สามารถเลื่อนรับสายได้จาก Glance Display ก่อนกางเครื่องมาคุยต่อได้เลย

และมันจะไม่ใช่มือถือสำหรับสายแฟชั่นได้เลย ถ้าไม่มีการทำงานร่วมกับสายแฟชั่นโดยตรง นั่นจึงเป็นที่มาของแพ็คเกจพิเศษสำหรับ Galaxy Z Flip นั่นคือ “Thom Browne Collaborate Edition” 

Thom Browne Edition เป็นการออกแบบพิเศษระหว่าง Samsung กับแบรนด์ Thom Browne โดยดีไซน์ออกมาให้มีความสปอร์ต เหมาะกับผู้ชายมากขึ้น ซึ่งแพ็คพิเศษนี้จะไม่ได้มี Galaxy Z Flip อย่างเดียว แต่จะมี Galaxy Watch Active 2 และ Galaxy Buds+ ที่ดีไซน์พิเศษในตีมเดียวกันให้ในชุดอีกด้วย

สำหรับ Galaxy Z Flip บ้านเราจำหน่ายเป็นรุ่น 4G โดยมีสเปคโดยละเอียดดังนี้ครับ

  • ชิปประมวลผล Exynos แบบ 7 นาโนเมตร 64 บิต
  • แรม 8 GB / หน่วยความจำในตัว 256 GB
  • แบตเตอรี่ 3500 mAh
  • กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล กล้องหลัง Ultra Wide+Wide 12 ล้านพิกเซล

โดย Samsung ประเทศไทย เปิดราคาจำหน่ายที่ 44,990 บาท มีให้เลือก 2 สี คือสีม่วง Mirror Purple และสีเทา Mirror Black ช่วงแรกจะวางจำหน่ายวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2563 จำนวน 200 เครื่องเท่านั้น และจะเริ่มวางจำหน่ายตามปกติพร้อมกับ Galaxy S20 ในวันที่ 6 มีนาคมนี้ครับ

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)