เป็นข่าวลือแบบ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ มาสักพักใหญ่ ๆ ว่าปีนี้ Apple จะส่ง iPhone ใหม่ มากระตุ้นตลาด ถือว่าแปลกไปสักหน่อย เพราะ iPhone SE รอบที่แล้ว เป็นการนำ iPhone 5s มาใส่เครื่องใหม่ให้ไฉไล ช่วยกระตุ้นยอดขายภาพรวม iPhone ในตอนนั้น ที่ iPhone 6s ดูจะเริ่มเอาไม่อยู่ (เนื่องจากยอดขายดีเกินไปของ iPhone 6 มากดดันไว้) แต่กับรอบนี้ที่้ iPhone 11 กับ iPhone 11 Pro / 11 Pro Max ถือว่าไปได้ดีมาก การกระตุ้นตลาดรอบนี้ จึงน่าหวังผลให้ยอดรุ่นย่อมฯ กับ กลาง ที่ดูแลโดย iPhone 8 กับ iPhone XR มีความสดใหม่ และส่งสองรุ่นนี้ให้เกษียณอายุตลาดไวขึ้นก็เป็นได้
สำหรับ iPhone SE รุ่นที่ 2 นั้น มาด้วยหน้าตาเครื่องทั้งหมดแบบ iPhone 8 (ไม่ Plus) มิติเครื่องกับน้ำหนัก เท่า iPhone 8 เดิมทุกประการ (138.4×67.3×7.3/148g) ด้านหลังเป็นกระจกสีให้เลือกสามสี ดำ ขาว แดง โดยด้านหน้าจะใช้กระจกสีดำอย่างเดียว ตัวเครื่องกันน้ำ / กันฝุ่น ในมาตรฐาน IP67 (ตกน้ำลึกไม่เกิน 1 เมตร ไม่นานเกิน 30 นาที)
ใช้หน้าจอ Retina HD ความละเอียด 1,334×750 (326ppi) ขนาด 4.7 นิ้ว รองรับ True Tone Display / ขอบเขตสี P3 / ความสว่างสูงสุดที่ 625 Nits ใช้ปุ่ม Home พร้อมตัวอ่านลายนิ้วมือ Touch ID (2nd Gen)
ขับเคลื่อนเครื่องด้วย A13 Bionic กับ Neural Engine รุ่นที่ 3 ทำให้กล้องเดี่ยวของ iPhone SE ความละเอียด 12MP / f1.8 พร้อมระบบกันภาพสั่นแบบ Optical มีระบบถ่ายภาพบุคคลได้ (แบบเดียวกับ iPhone XR) ถ่ายวีดีโอ 4K ได้สูงสุด 60fps พร้อมกันสั่นวีดีโอแบบ Optical รองรับการบันทึกเสียงวีดีโอแบบสเตอริโอ รองรับ QuickTake (อยู่หน้าจอกล้อง แตะชัตเตอร์ค้าง=ถ่ายวีดีโอ) ฉะนั้นแล้ว กล้องหน้าของ iPhone SE รุ่นที่ 2 จึงมีระบบถ่ายภาพบุคคลจากกล้องหน้าได้เช่นกัน
ตัวเครื่องยังไม่รองรับ 5G แต่ได้ Bluetooth 5.0 กับ Wi-Fi 6 (802.11ax MIMO) และรองรับ eSIM ด้วย
การใช้พลังงานของเครื่อง สามารถใช้งานได้พอกับ iPhone 8 ไม่ว่าจะดูวีดีโอนาน 13 ชั่วโมง / ฟังเพลง 40 ชั่วโมง ชาร์จไฟด่วนด้วยหัวชาร์จ 18W ได้ 50% (ในกล่องให้ 5W) ในเวลา 30 นาที รองรับที่ชาร์จไร้สายระบบ QI
iPhone SE รุ่นที่ 2 มีความจุและราคาขายดังนี้
- 64GB ทุกสี : 14,900 บาท
- 128GB ทุกสี : 16,900 บาท
- 256GB ทุกสี : 20,900 บาท
- Apple Care+ เพิ่มประกันเป็นสองปี และจ่ายน้อย ได้ใหม่ เมื่อเกิดเหตุไม่คาดฝันกับเครื่องสูงสุด 2 ครั้ง : 3,300 บาท
- เคสซิลิโคน (สีดำ ขาว ชมพู) : 1,290 บาท
- เคสหนัง (สีน้ำเงิน แดง ดำ) : 1,590 บาท
หลังการเปิดตัว iPhone SE รุ่นที่ 2 ทำให้ Apple เลิกขาย iPhone 8 / iPhone 8 Plus ในทุกช่องทางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ คงไว้สำหรับ ขายคู่กับ AIS / dtac / True เท่านั้น
ส่วนจะวางจำหน่ายในไทยเมื่อไหร่ เจอกันหลังการอนุมัติจาก กสทช. ให้ขายในไทยได้ เร็ว ๆ นี้
