Samsung เปิดตัวซีรีส์โทรทัศน์รุ่นใหม่ประจำปี 2021 กับ “Neo QLED” ถือเป็นตระกูลใหม่ที่จะเข้ามาทำตลาดสมาร์ททีวีรุ่นท็อปโดยเฉพาะ และยังเป็นการพา QLED ขึ้นไปสู่อีกระดับอย่างลงตัว
Neo QLED ถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยี Quantum Mini LED อันเป็นแหล่งกำเนิดแสงที่มีขนาดเล็กกว่าแหล่งกำเนิดแสงทั่วไปถึง 40% ช่วยทำให้ลดความหน้าของตัวหน้าจอแสดงผลลงไปได้อีกราว ๆ 50% รวมถึงมีชั้นฟิล์ม Quantum Matrix ตรึงทับหลอด LED อีกชั้นหนึ่ง ซึ่งจะช่วยในการควบคุมการแสดงผลของหลอด LED แต่ละหลอดได้อย่างแม่นยำ ปราศจากการอาการ blooming หรือการปนกันของแสงในส่วนที่สว่างและมืดตามที่เคยเกิดขึ้นใน QLED รุ่นก่อนหน้านี้ รวมถึงตัวหน้าจอแสดงผลยังทำงานในรูปแบบ 12-bit (4096 steps) ช่วยทำให้สีดำมีความดำสนิท และส่วนที่สว่างก็สว่างมากกว่าปกติแบบชัดเจน โดยมาพร้อมหน่วยประมวลผล Neo Quantum Processor ช่วยเหลือในเรื่องของการประมวลผลทั้งงาน AI และการอัปสเกลเนื้อหาขึ้นเป็น 4K และ 8K ได้อย่างแม่นยำ
Neo QLED จะเริ่มต้นจากสองรุ่นบนสุด คือ Neo QLED 8K (QN900A) และ Neo QLED 4K (QN90A) มาพร้อมดีไซน์แบบ Infinity One ช่วยให้ทีวีไร้ขอบยิ่งกว่ารุ่นปีที่แล้ว รวมถึงมาพร้อมกล่อง One Connection Box รุ่นใหม่ที่มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม รีโมท One Remote รุ่นใหม่ที่ผสานความยั่งยืนด้วยการติดตั้งแบตเตอรี่ในตัว สามารถชาร์จกลับได้ด้วยแสงอาทิตย์ผ่านแผงโซลาร์เซลล์ด้านหลังรีโมท หรือผ่านพอร์ต USB-C อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกล้อง Webcam เพื่อใช้งาน Google Duo ผ่านทีวีได้โดยตรง
ในด้านฟีเจอร์ Neo QLED ยังมาพร้อมฟีเจอร์ใหม่อาทิ Game Bar ที่ช่วยปรับให้ Neo QLED กลายเป็น Gaming TV ได้ในพริบตา สามารถควบคุมโหมดการแสดงผลของตัวทีวีได้อย่างง่ายดาย สามารถควบคุมการไหลของภาพได้อย่างอิสระด้วย FreeSync Premium Pro และสามารถขยายมุมมองภาพได้สูงสุดถึง 32:9 ด้วยโหมด Super UltraWide GameView รวมถึงรองรับการใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ได้อย่างรวดเร็ว เพียงต่อสาย HDMI จากพีซีเข้าทีวี ก็สามารถใช้งานทีวีเป็นจอมอนิเตอร์สำหรับทำงานได้ และสำหรับ Neo QLED 8K ยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้านเสียงอีกสองอย่าง ไม่ว่าจะเป็น Object Tracking Sound (OTS) ที่ช่วยให้ทีวีสามารถส่งเสียงของเนื้อหาจากจุดกำเนิดเสียงได้อย่างแม่นยำ และ SpaceFit Sound ที่ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมแบบสามมิติ และกำเนิดเสียงได้สมจริงแบบ 360 องศา
นอกจาก Neo QLED ที่เป็นตัวชูโรงในปี 2021 แล้ว Samsung ยังเปิดตัว Micro LED TV รุ่นใหม่ที่ต่อยอดความสำเร็จจาก The Wall ออกมาอีกระดับหนึ่ง ให้ลูกค้ากลุ่มคอนซูเมอร์สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่อย่าง 4 Vue ที่แบ่งหน้าจอออกเป็น 4 หน้าจอย่อย ทำให้สามารถรับชมคอนเทนต์ต่าง ๆ ได้พร้อมกันถึงสี่เนื้อหาในหน้าจอเดียว และยังมาพร้อมกับระบบเสียง Majestic แบบใหม่ที่ช่วยจำลองสภาพเสียงแบบ 5.1 ได้เสมือนจริง
และไม่ใช่แค่นั้น Samsung ยังเปิดตัวรุ่นอัปเกรดของ The Frame Lifestyle QLED ที่มาพร้อมขนาดที่บางลงกว่ารุ่นเดิมถึง 50% และมาพร้อมดีไซน์กรอบรูปแบบใหม่ทั้งแบบโมเดิร์น (Modern) และสไตล์ขอบลึก (Beveled) ช่วยให้ตกแต่งทีวีให้เข้ากับทุกสภาพห้องได้อย่างลงตัว และยังมาพร้อมกับ AI Auto-curation ช่วยคัดเลือกภาพจาก Art Store กว่า 1,400 ภาพ ขึ้นมาแสดงผลบนหน้าจอได้อย่างลงตัว เหมาะสมกับรสนิยมของผู้ใช้มากขึ้น
นอกจาก The Frame แล้ว ในปีนี้ The Serif และ The Sero จะยังได้อัพเกรดหน้าจอแสดงผลเป็นรุ่นใหม่ และจะยังมี Lifestyle QLED เพิ่มอีกสองตัว คือ The Terrace และ The Premier ซึ่งรายละเอียดของทั้งสองตัว Samsung จะกล่าวถึงในโอกาสถัดไป
ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้ Samsung จะเริ่มทำตลาดในช่วงกลางปี 2021 เป็นต้นไป