วันนี้นอกจากเรื่องการเมืองที่ร้อน ๆ แล้ว ยังมีเรื่องในวงการการสื่อสารที่ร้อนผ่าวไม่แพ้กัน เพราะ dtac จัด Focus Group เฉพาะกิจเผยข้อมูลแรกของ “dtac 5G” ที่เรารอคอยกันมานานว่าตอนนี้ dtac ทำงานกันไปถึงไหนแล้ว ลูกค้าจะใช้งานได้เมื่อไหร่ และพื้นที่จะครอบคลุมสู้ AIS หรือ TrueMove H ที่เปิด 5G กันไปก่อนหน้านี้ได้หรือไม่ เรามีคำตอบจากปาก dtac มาฝากกัน
ทำงานกันไปถึงไหนแล้ว
คำถามแรกที่หลายคนสงสัยคือ ที่ผ่านมา dtac ทำอะไรอยู่ dtac บอกกับเราว่าที่ผ่านมา dtac ทำงานหนักมากในเรื่องของการขยายโครงข่าย โดยในปีที่ผ่านมา dtac วางโครงข่าย 4G 2300 MHz (dtac-T) ร่วมกับ NT ไปแล้วกว่า 20,000 สถานีฐาน รวมถึงนำเอาเทคโนโลยี Massive MIMO มาปรับใช้กับโครงข่าย dtac-T เพื่อรองรับปริมาณการใช้งานให้มากกว่าเดิมถึง 3 เท่า และพัฒนาบริการ 5G ด้วยคลื่น 26 GHz ที่ dtac ได้รับอนุญาตมาเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งทุกวันนี้ dtac ได้ทำงานร่วมกับ ปตท., อาซีฟา และดับบลิวเอชเอ คอร์ปฯ ในการนำคลื่น 26 GHz ไปใช้งานร่วมกับภาคอุตสาหกรรมอย่างเต็มที่
แต่นั่นเป็น 5G ในมุมของภาคอุตสาหกรรม แล้วสำหรับผู้ใช้งานทั่วไปจะได้ใช้งานกันเมื่อไหร่ ข่าวดีคือ dtac เพิ่งจะชำระค่าใบอนุญาตและได้รับใบอนุญาตไปเมื่อปลายเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งหลังจากที่ dtac ได้รับใบอนุญาต dtac ก็เริ่มทำงานหนักและขยายพื้นที่อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบัน dtac ติดตั้งเสาและเปิใช้งานคลื่น 700 MHz บนเทคโนโลยี 4G ไปแล้วกว่า 2,400 สถานีฐานตามหัวเมืองหลัก ๆ ได้แก่กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต ซึ่งลูกค้า dtac ในพื้นที่เหล่านี้จะสามารถสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเรื่องของสัญญาณที่แน่นและเข้าถึงได้มากกว่าเดิม
แผนงานในระยะต่อไป
ในระยะต่อไปคงเป็นการเร่งติดตั้ง 5G 700 MHz ร่วมกับ Nokia และ Ericsson ให้พร้อมใช้งานได้ในเร็ว ๆ นี้ โดย dtac ได้นำเอาเทคโนโลยี Dynamic Spectrum Sharing (DSS) มาใช้งานกับคลื่น 700 MHz เพื่อให้สามารถให้บริการทั้ง 4G และ 5G ได้พร้อมกันโดยไม่ต้องแบ่งแบนด์วิธในการใช้งาน ลูกค้าที่ใช้เครื่องรับ 4G อย่างเดียว ก็จะได้รับประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้นจากคุณภาพสัญญาณที่เข้าถึงได้ง่ายกว่า กว้างกว่า และทะลุทะลวงอาคารได้ดีกว่า รวมถึงคลื่น 2300 MHz ก็จะได้รับประโยชน์ในเรื่องนี้ตรงที่ 700 MHz จะเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของโครงข่าย ทำให้ลูกค้าสามารถใช้งานในช่วงเวลา Peaktime ได้ขึ้น กลับกันลูกค้าที่ถือเครื่องรับ 5G ก็จะได้สัมผัสประสบการณ์อินเทอร์เน็ตที่ดีขึ้น จากช่องสัญญาณที่กว้างกว่า และมีค่าความหน่วงเวลาต่ำ ทำให้สามารถเข้าถึงทุกคอนเทนต์ได้อย่างรวดเร็วโดยเฉพาะกับการเล่นเกมเป็นต้น
ในด้านของพื้นที่การใช้งาน dtac ตั้งเป้าขยายให้ได้ 4,000 สถานีฐานภายในสิ้นไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ และจะขยายให้ครอบคลุมทุกหัวเมืองในปีนี้ ฉะนั้นตลอดปี 2564 ลูกค้า dtac จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของ dtac อย่างมีนัยยะสำคัญแน่นอน
แล้วเรื่องของอุปกรณ์ล่ะ?
dtac บอกกับเราว่าในเรื่องของอุปกรณ์ชุดแรกที่จะได้ใช้งาน dtac 5G จะต้องรองรับคลื่น n28 ซึ่งในไทยมีดังต่อไปนี้
- iPhone: 12 mini, 12, 12 Pro, 12 Pro Max (จะได้รับ Carrier Update ปลดล็อกการรองรับคลื่น 700 MHz ในเร็ว ๆ นี้ รวมถึงรุ่นต่ำกว่า iPhone 12 จะได้รับความสามารถในการรองรับ 4G 700 MHz เพิ่มเข้ามาจากอัปเดตเดียวกัน)
- Samsung Galaxy : S21, S21+, S21 Ultra, Z Fold 2, Note 20 5G, Note 20 Ultra 5G, S20 FE, A42, A32, Tab S7+ (อัปเดตเฟิร์มแวร์ในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม ยกเว้น S20 Ultra, A71 รุ่นขายในไทยไม่รองรับคลื่น n28)
- Oppo: Find X2, Find X2 Pro, Reno 4 Pro, Reno 4z Pro, Reno 5, Reno 5 Pro (ใช้งานได้เลย)
- Realme: X50 Pro, X50, X7 Pro, 7 (รออัปเดตเฟิร์มแวร์ในบางรุ่น)
- Huawei: Mate 30 Pro 5G, P40, P40 Pro, P40 Pro+, Nova 7 SE, Mate 40 Pro, MatePad Pro (ใช้งานได้เลย ยกเว้น Nova 7 ไม่รองรับคลื่น n28)
- OnePlus: 8, 8 Pro, 8T, Nord, Nord N10 (รออัปเดตเฟิร์มแวร์)
- Xiaomi: Mi 10T, Mi 10T Pro, Redmi Note 9T (รออัปเดตเฟิร์มแวร์ในบางรุ่น ยกเว้น Mi 10 และ Poco 2 Pro ไม่รองรับคลื่น n28)
- Motorola: Moto RAZR 5G, MotoG 5G Plus (รออัปเดตเฟิร์มแวร์)
ส่งท้าย
วันนี้เป็นการอัปเดตเล็ก ๆ น้อย ๆ ว่า dtac ทำงานกันไปถึงไหนแล้ว และจะได้เจอกันเมื่อไหร่ ซึ่ง dtac ยืนยันว่ากำลังทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ทุกเจ้าและผู้ผลิตทุกรายอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้ dtac 5G สามารถเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น
ในแง่ของลูกค้า ก็เตรียมพบกับ dtac 5G 700 MHz กันได้ในเร็ว ๆ นี้ อีกไม่นานเกินรอแน่นอนครับ
