ข่าวสั้น

Mercedes-Benz เปิดตัว Mercedes-EQ “EQS” ที่สุดของรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับตลาดลักชัวรี่

Mercedes-EQ, EQS 580 4MATIC, Exterior, colour: high-tech silver/obsidian black, AMG-Line, Edition 1; (combined electrical consumption: 20.0-16.9 kWh/100 km; combined CO2 emissions: 0 g/km)

Daimler เปิดตัวรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสำหรับตลาดลักชัวรี่อย่างเป็นทางการในชื่อ Mercedes-EQ “EQS” โดยชูโรงเป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระดับ Production Car ที่ได้รับการออกแบบสรีระให้ลู่ลมมากที่สุด ลดแรงลมปะทะ ลดเสียงเข้าห้องโดยสาร ทำให้ห้องโดยสารมีความเงียบและขับขี่ได้สนุกสนานตลอดการเดินทาง

Daimler ระบุว่ารถยนต์ในกลุ่ม Mercedes-EQ ถือเป็นมาตรฐานใหม่ของกลุ่มบริษัท Daimler ที่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในการผลิตรถยนต์ภายใต้โครงการ Ambition 2039 ที่เป็นเป้าหมายในการใช้พลังงานสะอาดและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ทุกขั้นตอน ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตตัวรถ ตลอดจนพลังงานที่นำมาใช้ต้องเป็นพลังงานสะอาด โดยที่ภายในปี 2030 รถยนต์ของ Mercedes-Benz ทุกคันจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก ซึ่ง Mercedes-Benz มองว่าเป็นการพัฒนาเพื่อมุ่งเป้าสู่ความยั่งยืนอย่างแท้จริง

Mercedes-EQ ถือเป็นผลสำเร็จครั้งแรกของ Daimler ที่สามารถออกรถยนต์พลังงานไฟฟ้าได้สำเร็จ และสร้างเป็นแพลตฟอร์มรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่จะถูกนำไปต่อยอดเป็นรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ในอนาคต เหมือนเช่นแพลตฟอร์ม TNGA ของ Toyota และการผลิตรถยนต์ในไลน์นี้ ชิ้นส่วนเกือบทั้งหมดของตระกูลนี้ จะต้องเป็นชิ้นส่วนรีไซเคิลจากรถยนต์ที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว เพื่อลดการใช้วัสดุอย่างไม่จำเป็น เช่น พรม เป็นต้น

จุดขายสำคัญของ Mercedes-EQ รุ่นแรก คือการพัฒนาให้รถยนต์คันนี้เป็นรถยนต์ที่ลู่ลมมากที่สุด โดยมีค่าความลู่ลม (Cd) อยู่ที่ 0.20 ซึ่งถือว่าเป็นค่าที่ดีที่สุดในโลก ผลที่ได้คือตัวรถจะมีความลู่ลมสูง ลดแรงปะทะลมได้อย่างดีเยี่ยม และลดเสียงลมเข้าห้องโดยสาร ซึ่งจะช่วยให้ห้องโดยสารมีความเงียบมากกว่าปกติ

Mercedes-EQ รุ่นที่เปิดตัวมามีแยกเป็นสองรุ่นย่อย ได้แก่ EQS 450+ และ EQS 580 4MATIC โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • EQS 450+ มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 245 kW อัตราการใช้ไฟสูงสุดอยู่ที่ 19.1-16.0 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร แรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 6.2 วินาที เป็นระบบขับเคลื่อนแบบสองล้อหลัง แบตเตอรี่จุสูงสุด 200 kWh ชาร์จเร็ว 15 นาที ขับเคลื่อนได้สูงสุด 300 กิโลเมตร หากชาร์จเต็มขับเคลื่อนได้สูงสุด 770 กิโลเมตร
  • EQS 580 4MATIC มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 385 kW อัตราการใช้ไฟสูงสุดอยู่ที่ 21.8-17.4 kWh ต่อ 100 กิโลเมตร แรงบิดสูงสุด 855 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 4.3 วินาที เป็นระบบขับเคลื่อนแบบสี่ล้อ แบตเตอรี่จุสูงสุด 200 kWn ชาร์จเร็ว 15 นาที ขับเคลื่อนได้สูงสุด 280 กิโลเมตร หากชาร์จเต็มขับเคลื่อนได้สูงสุด 700 กิโลเมตร

นอกเหนือจากนั้นทั้งสองรุ่นจะมีรายละเอียดอื่น ๆ ที่เหมือนกัน คือมีค่า CO2 Emission หรือการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ที่ 0 กรัม นั่นหมายความว่า Mercedes-EQ เป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่นอกจากใช้พลังงานสะอาดแล้ว ยังถือเป็นรถยนต์ปลอดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพื่อช่วยรักษ์โลกได้อีกด้วย

ฟีเจอร์อื่น ๆ ของรถยนต์ EQS ทั้งสองรุ่นจะเหมือนกันทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชุดแต่งภายในสีดำทะมึน ให้ความรู้สึกสปอร์ต หรูหรา พร้อมรองรับชุดแต่ง AMG Line และ Electric Line ที่จะทำขึ้นในอนาคต ระบบความบันเทิงผ่านหน้าจอ MBUX HyperScreen หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ Mercedes-Benz เคยทำมา ทำหน้าที่เป็นศูนย์รวมความบันเทิงภายในรถยนต์ อีกทั้งสามารถอัปเดตฟีเจอร์ของรถยนต์ได้ผ่าน OTA โดยไม่ใช่แค่ฟีเจอร์ของ MBUX HyperScreen เท่านั้น การอัปเดตยังรวมถึงการปลดล็อกฟีเจอร์การขับขี่ ปลดล็อกลิมิตบางอย่างของรถยนต์ และปลดล็อกฟีเจอร์ระบบขับเคลื่อนที่จะช่วยให้การขับขี่รถยนต์ทำได้สนุกมากขึ้น ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเหมือนแต่ก่อน

ภายในรถยนต์ยังมีเซ็นเซอร์อีกกว่า 350 ชุด ใช้ในการเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งาน รวมถึงยังเรียนรู้ถึงรูปแบบการขับขี่ ลักษณะการจับพวงมาลัย ความเร็วเฉลี่ย ระยะทางเฉลี่ย พื้นที่ที่เดินทางไปบ่อย ๆ ทั้งหมดจะถูกพัฒนาเข้าร่วมกับชุด AI เรียนรู้การใช้งาน เพื่อที่เวลาใช้งานในครั้งถัดไป รถยนต์จะสามารถแนะนำการใช้งานให้ตอบโจทย์ผู้ขับขี่ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงยังมีเซ็นเซอร์ที่ช่วยนำรถเข้าช่องจอดได้อย่างปลอดภัย และยังสามารถนำรถเข้าจุดจอดได้เองแบบอัตโนมัติ (Automatic Valet Parking) เพียงแค่สั่งการจากบนแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับตัวรถ ตัวรถก็จะเข้าจอดและถอนตัวออกจากช่องจอดได้แบบอัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ในรถแต่อย่างใด

นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานแล้ว ฟีเจอร์ปรับแต่งของรถที่สามารถสั่งเพิ่มได้ในวันแรกก็มีให้เลือกด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบประตู Automatic Comfort Doors สามารถปิดได้เองเพียงทำท่าทางกวักมือเข้าตัวรถ ช่วยลดการสัมผัสโดยไม่มีความจำเป็น หรือสามารถสั่งเปิดประตูได้จากแผงควบคุม MBUX HyperScreen ไม่ว่าจะในกรณีไหนก็ตาม เช่น ส่งลูกหน้าโรงเรียน ก็สามารถกดเปิดประตูให้ลงเองได้ทันที รวมถึงยังสามารถสั่งติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบอัตโนมัติ (Drive Pilot) เพื่อให้รถยนต์สามารถขับขี่ไปยังปลายทางแบบอัตโนมัติได้ที่ความเร็วไม่เกิน 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วยให้ผู้ขับขี่มีเวลาในการทำสิ่งต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น เช่นเช็คอีเมล หรือโทรศัพท์เป็นต้น

เบื้องต้น Mercedes-Benz ระบุว่า EQS ทั้งสองรุ่น จะมีให้เลือกสองรูปแบบ คือ 4 ประตู (EQS) และ Hatchback 5 ประตู (EQS SUV) แต่ละรูปแบบจะมีสองรุ่นย่อย คือ EQS 450+ และ EQS 580 4MATIC โดยทั้งหมดนี้ จะเริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการภายในปี 2022 แต่ในปี 2021 จะเริ่มเดินสาย Production อย่างจริงจัง เพื่อเตรียมรถยนต์ให้พร้อมจำหน่ายในปี 2022 ต่อไป

คณะแกดกวน #teamgadguan

คณะแกดกวน #teamgadguan

เว็บ Gadget อารมณ์ดี มีสาระ
เราคุยกันได้ทั้งเรื่องของเล่นไฮเทค วิทยาการ หรือกระทั่งเมาท์เรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นงานเป็นการ