วันนี้ Apple ออกประกาศเพิ่มฟีเจอร์ Spatial Audio ให้ Apple Music อย่างเป็นทางการ พร้อมรองรับ Dolby Atmos for Music และเปลี่ยนไฟล์พื้นฐานทั้งหมดเป็น Lossless บนมาตรฐาน Apple Digital Master ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนี้เป็นต้นไป ลูกค้าไม่ต้องทำอะไรมาก สามารถใช้งานได้ทันทีเมื่ออัปเดต iOS 14.6/iPadOS 14.6/tvOS 14.6 และ Big Sur 11.4 โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม
การรองรับ Dolby Atmos ทำให้ผู้ฟังสามารถรับฟังเสียงเพลงที่มิกซ์แบบโอบล้อม 360 องศาได้อย่างเต็มที่ ผ่านหูฟังของ Apple และ Beats ที่ใช้ชิป W1 และ H1 รวมถึงการรับฟังผ่านลำโพงจากอุปกรณ์ที่รองรับ ซึ่งประกอบด้วย iPhone ได้แก่ iPhone XS/XR/11/11 Pro/SE 2020/12 และ 12 Pro, iPad ได้แก่ iPad Pro 2018 และ iPad Pro M1 และ MacBook 2018 ขึ้นไป โดยเบื้องต้นจะมีเพลงที่รองรับ Dolby Atmos ทันทีกว่า 1,000 รายการ รวมถึงจากศิลปินชื่อดังอาทิ J Balvin, Gustavo Dudamel, Ariana Grande, Maroon 5, Kacey Musgraves, The Weeknd และ Apple จะเพิ่มเพลง Dolby Atmos เข้ามาให้ได้รับฟังอย่างต่อเนื่องต่อไป
ฟีเจอร์ที่สองคือฟีเจอร์ Lossless Audio โดยเพลงทั้งหมดกว่า 75 ล้านเพลงบน Apple Music จะถูกเปลี่ยนรูปแบบไฟล์ให้เป็น Lossless Audio ทั้งหมดทันที นั่นหมายความว่าผู้ใช้ไม่ต้องทำอะไรกับฟีเจอร์นี้ เพียงแค่เปิดใช้งาน Lossless Audio จากเมนูการตั้งค่าคุณภาพเสียง (Settings > Music > Quality) โดย Apple เลือกใช้ Codec พื้นฐานเป็น ALAC (Apple Lossless Audio Codec) เพื่อรักษาคุณภาพเสียงเอาไว้ให้ครบสมบูรณ์แบบ โดยจะเริ่มที่คุณภาพระดับ CD หรือ 16 บิต ที่ 44.1 kHz และขึ้นไปสูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 48 kHz และสามารถเปิดฟังได้ทันทีบนอุปกรณ์ทุกรุ่น ทั้งแบบฟังผ่าน Wi-Fi และผ่าน Cellular และสำหรับสาย Audiophile ยังสามารถเลือกรูปแบบไฟล์แบบ Hi-Resolution Lossless สูงสุดถึงระดับ 24 บิต ที่ 192 kHz เพื่อใช้ร่วมกับอุปกรณ์แปลงสัญญาณดิจิทัล (DAC) ที่มีอยู่เพื่อรับฟังไฟล์เสียงคุณภาพสูงได้ทันที
