ข่าวสั้น

ดับตั้งแต่ยังไม่เริ่ม! Apple เผย Lossless จะไม่เปิดใช้เมื่อต่อหูฟังบลูทูธ ต้องต่อหูฟังมีสายอย่างเดียว

การเปิดตัวฟีเจอร์ Spatial Audio และการเปลี่ยนฐานไฟล์เป็น Lossless Audio ของ Apple Music เมื่อคืนนี้ มีความปวดหัวกันเล็กน้อยตั้งแต่ยังไม่เริ่มเปิดใช้งานแล้ว เมื่อตัวแทนของ 9to5mac ได้สอบถามไปยัง Apple ถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของฟีเจอร์ดังกล่าว เพราะด้วยในข่าวประชาสัมพันธ์ของ Apple เองก็เขียนไม่ค่อยละเอียดว่าความต้องการเป็นอย่างไรกันแน่ และตัวแทนก็ได้เผยข้อความอันน่าตกใจมากดังต่อไปนี้

อย่างแรกคือเรื่อง Lossless Audio ที่หลายคนฮือฮากันหนักมาก Apple ยืนยันว่าไฟล์ Lossless Audio จะถูกปิดการใช้งานและกลับไปเรียกไฟล์ MPEG-4 Audio โดยอัตโนมัติเมื่อผู้ใช้ต่อหูฟังบลูทูธ กรณีนี้ไม่ยกเว้นให้แม้กระทั่ง AirPods และ Beats ทุกรุ่น ตั้งแต่รุ่นแรกไปจนถึง AirPods Max ทางเดียวที่จะสามารถฟังไฟล์ Lossless ได้ ก็มีเพียงแค่ต่อหูฟังมีสายเข้ากับตัวเครื่องเท่านั้น

Apple ให้เหตุผลว่าต้องการให้ผู้ใช้ได้สัมผัสประสบการณ์ Lossless Audio ที่ดีที่สุด และไม่เสียความละเอียดของไฟล์แม้แต่นิดเดียว และผู้ใช้กลุ่มนี้มักใช้หูฟังมีสายอยู่แล้ว จึงไม่มีความน่ากังวลอะไรนักกับการขอให้ใช้หูฟังแบบสาย และอีกเรื่องคือความละเอียดไฟล์ MPEG-4 Audio ที่ใช้งานอยู่ในปัจจุบัน มีบิตเรตพื้นฐานเท่ากันที่ 256 Kbps ซึ่งถือเป็นความละเอียดที่มากพอสำหรับผู้ใช้งานโดยทั่วไป แต่เมื่อมีการปรับไฟล์พื้นฐานเป็น ALAC ความละเอียดต่ำสุดที่ Apple มีให้ คือ 16 bits/44.1 Khz หรือ CD Quality แค่ความละเอียดต่ำสุดนี้ก็มีบิตเรตสูงถึง 1,411 Kbps แล้ว ยิ่งถ้าผู้ใช้ปรับความละเอียดให้สูงมากขึ้น บิตเรตที่เรียกใช้ก็ย่อมสูงมากขึ้น ฉะนั้นเมื่อพิจารณาความเร็วสูงสุดของมาตรฐานบลูทูธที่ 2,000 Kbps แล้ว ประกอบกับระยะห่างระหว่างตัวเครื่องกับหูฟังที่ยิ่งไกลสัญญาณและความเร็วก็จะยิ่งดรอปลง จึงแทบไม่มีความเป็นไปได้เลยที่ผู้ใช้หูฟังบลูทูธจะได้รับประสบการณ์ Lossless Audio ที่ดีได้นอกจากใช้หูฟังสายอย่างเดียว

ส่วนกรณีของ Hi-Res Audio อันนี้ชัดเจนมากว่า iPhone/iPod/iPad/Apple TV และ Mac ทุกรุ่น ไม่มี DAC คุณภาพสูงที่สามารถรองรับไฟล์ Hi-Res Audio ได้ จึงต้องขอให้ผู้ใช้เสียบอุปกรณ์ External DAC เช่น Sony PHA-3 หรือ TA-ZH1ES เข้ากับตัวเครื่องผ่านสาย USB เพื่อส่งสัญญาณเสียง Hi-Res Audio เข้าอุปกรณ์แปลงสัญญาณเพื่อส่งออกสู่หูฟังต่อไป

ฟีเจอร์สุดท้ายคือ Dolby Atmos และ Spatial Audio Apple ยืนยันว่าฟีเจอร์นี้จะทำงานโดยอัตโนมัติ เมื่อผู้ใช้ต่อหูฟัง AirPods หรือ Beats รุ่นที่ใช้ชิป H1 หรือ W1 นั่นคือหูฟัง AirPods และ Beats ทุกรุ่น จะรองรับฟีเจอร์นี้โดยอัตโนมัติ แต่หากผู้ใช้ที่ใช้หูฟัง Dolby Atmos รุ่นอื่น ๆ เช่น Plantronics RIG 800LX หรือ Bose QuietComfort 35 II ผู้ใช้สามารถเลือกเปิดฟีเจอร์ Spatial Audio และ Dolby Atmos ได้เองจากหน้าตั้งค่าอุปกรณ์ในตัวเครื่อง แต่ถ้าผู้ใช้ต้องการใช้งาน Dolby Atmos ผ่านลำโพง จำเป็นจะต้องใช้ร่วมกับรุ่นที่รองรับ นั่นคือ iPhone XS ขึ้นไป รวม iPhone SE2 / iPad Pro 2018 และ iPad Pro M1 / MacBook Pro 2018 ขึ้นไป และ Apple TV ที่ต่อร่วมกับโทรทัศน์หรือ Soundbar รุ่นที่รองรับ Dolby Atmos เป็นต้น และ HomePods ทั้งสองรุ่น จะไม่รองรับฟีเจอร์นี้ทุกกรณี

ฉะนั้นสรุปก็คือ ฟีเจอร์ Lossless จำเป็นต้องใช้หูฟังมีสายทุกกรณี หากมีแต่หูฟังบลูทูธ ถ้าเป็น AirPods/Beats และหูฟังรุ่นที่รองรับ จะสามารถเรียกใช้ Dolby Atmos ได้ นอกเหนือจากนั้นจะไม่สามารถใช้ฟีเจอร์ทั้งสองได้ทุกกรณี ถ้าคำถามสุดท้ายคือ แล้ว AirPods Max ของ Apple เองล่ะ? Apple ยืนยันว่า AirPods Max จะรองรับ Dolby Atmos โดยอัตโนมัติ แต่ถ้าหากต้องการฟังไฟล์ Lossless Audio จำเป็นจะต้องต่อสาย Lightning to 3.5 Cable เข้ากับตัวเครื่องเพื่อฟังไฟล์ Lossless แทน

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)