Sony สานต่อความสำเร็จของหูฟังไร้สายตัวท็อปกันอีกครั้ง กับ WF-1000XM4 หูฟัง True Wireless ตัวท็อปรุ่นใหม่ที่มาพร้อมกับการอัปเกรดความสามารถในการตัดเสียงรบกวนแบบเต็มขั้น เพื่อแก้ปัญหาที่ค้างคามาจากรุ่นก่อน ๆ โดยเฉพาะ
WF-1000XM4 มาพร้อมกับดีไซน์หูฟังใหม่หมดจด พร้อมชิปประมวลผล Integrated Processor V1 ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการตัดเสียงรบกวนได้มากกว่าเทคนิคการตัดเสียงรบกวนในรูปแบบเดิม พร้อมกับการผสาน Bluetooth เข้าไปอยู่บนชิปเดียวกัน จึงทำให้การตัดเสียงรบกวน ทำได้แบบเบ็ดเสร็จภายในตัวหูฟังทันที และผู้ใช้จะได้เห็นความเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในเรื่องการตัดเสียงรบกวนได้อย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับ WF-1000XM3 รุ่นก่อนหน้านี้
นอกจากชิปประมวลผลแล้ว ตัวหูฟังยังมาพร้อมกับไมค์สำหรับตัดเสียงรบกวนอีกสองตัว ซึ่ง Sony ระบุว่าเมื่อรวมกับชิปประมวลผลแล้ว การตัดเสียงรบกวนสามารถทำงานได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า เพราะสามารถตัดเสียงรบกวนที่มาจากข้างหน้าและข้างหลังได้พร้อมกัน และยังมาพร้อมไดรเวอร์ขนาด 6 มิลลิเมตร ที่ปรับปรุง magnet volume ให้ขับเสียงได้ดีขึ้น 20% และ Eartip ที่เปลี่ยนวัสดุเป็นโพลียูรีเทน ที่สามารถเกาะผิวหนังได้ดีขึ้น ทั้งหมดจึงช่วยให้ WF-1000XM4 สามารถขับเสียงได้อย่างแม่นยำทุกย่านความถี่ ไร้เสียงรบกวนรอบข้างแต่อย่างใด
WF-1000XM4 ยังมาพร้อมกับ LDAC ในตัว ที่มีความสามารถในการส่งสัญญาณย่านความถี่เสียงได้สูงกว่าเทคโนโลยี Bluetooth แบบเดิม ๆ ที่ 990 kbps ถึงสามเท่า จึงทำให้ WF-1000XM4 สามารถรองรับรูปแบบเสียง High-Resolution Audio แบบไร้สายได้ และด้วยชิป Integrated Processor V1 บวกกับดีไซน์ของหูฟัง ไดรเวอร์ขนาดใหญ่ และระบบเสียง AI DSEE Extreme จึงทำให้เสียงที่ออกมามีความนุ่มนวล ชัดเจน และมีมิติในทุกรูปแบบ
ในด้านฟีเจอร์ WF-1000XM4 ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการใช้งานแบบไม่แพ้ WF-1000XM3 รุ่นก่อนหน้านี้ ทั้งฟีเจอร์ Quick Attention ที่เมื่อแตะที่ตัวหูฟัง หูฟังจะลดเสียงลงและอนุญาตให้เสียงลอดผ่านได้ เช่นจังหวะที่ต้องการจะเสียงประกาศบนรถไฟฟ้า หรือต้องการฟังเสียงพูดคุย / Adaptive Sound Control ที่สามารถปรับรูปแบบการใช้งานตามอิริยาบถได้อย่างอิสระ และฟีเจอร์ใหม่อย่าง Speek-to-chat เมื่อมีการพูดคุยเกิดขึ้น ตัวหูฟังจะตัดเสียงเพลงและปรับให้เสียงสามารถลอดผ่านเข้าหูฟังได้ทันที และจะกลับมาเล่นเพลงอีกครั้งเมื่อการพูดคุยจบลงแล้ว
ตัวหูฟังยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบใหม่ ทั้ง Google Fast Pair ที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อกับมือถือ Android ได้รวดเร็วมากขึ้น และสามารถตรวจสอบตำแหน่ง แบตเตอรี่คงเหลือได้จากหน้าการตั้งค่าหูฟังทันที หรือ Microsoft Swift Pair ที่ทำให้สามารถเชื่อมต่อหูฟังกับอุปกรณ์ Windows 10 ได้ง่ายขึ้น
WF-1000XM4 พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเร็ว ๆ นี้ มีให้เลือกสองสีคือสีดำ และสีเงิน ในราคา 8,990 บาท เท่ากับรุ่นที่แล้ว โดยรายละเอียดการเปิดจองและวางจำหน่าย ทาง Sony Thai จะประกาศรายละเอียดให้ทราบในโอกาสถัดไป