หลังจากปล่อยให้คู่แข่งประกาศแผนงานหลังควบกิจการจนเป็นข่าวใหญ่โตมาเกือบเดือน งานนี้พี่เขียว AIS ของเราก็ขอเร่งเครื่อง เตรียมแผนงัดสู้อย่างเต็มกำลัง เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็น “เบอร์ 1 อย่างสมบูรณ์แบบ” (อ่านด้วยสำเนียงของคัตจังใน My Hero Academia จะได้อารมณ์กว่านี้นะครับ ฮา~) แต่คำว่าเบอร์ 1 อย่างสมบูรณ์แบบรอบนี้ AIS เค้าไม่ได้หมายถึงธุรกิจ Mobile อย่างเดียวน่ะสิ แต่มันยังรวมถึง 4 เสาธุรกิจคอนเวอร์เจนซ์ที่ AIS วางรากฐานไว้แข็งแกร่งตั้งแต่ยุค 4G ที่วันนี้ AIS พร้อมตีบวกทุกช่องทาง เสริมแกร่งอย่างมั่นคง ชนิดต่อให้ 1+1 มาก็โค่นลงได้ยากแล้ว
การก้าวขึ้นสู่ “เบอร์ 1 อย่างสมบูรณ์แบบ” ของ AIS รอบนี้จะมีอะไรน่าสนใจกันบ้างนั้น เรามีเรื่องมาเล่าดังว่า…
NETWORK ที่แข็ง ต้อง "แรง" ยิ่งกว่า
เริ่มต้นด้วยการตีบวกธุรกิจหลักของ AIS อย่าง Mobile กันก่อนดีกว่า วันนี้ AIS มีประกาศสำคัญหลายเรื่องมาก และแต่ละเรื่องนี้บอกได้คำเดียวว่า “อื้อหือ” ทั้งนั้น
ไม่พูดพร่ำให้เปลืองตัวอักษร เรามาเริ่มกันที่เรื่องแรก!
5G STANDALONE 100% รายแรก และ "รายเดียว" ในไทย
เรื่องแรกคือการอัปเดตความคืบหน้าโครงข่าย AIS 5G กัน โดย AIS ระบุว่าปัจจุบันขยาย 5G ไปแล้วกว่า 87% ของประชากร ผ่าน 2 คลื่นหลักคือ 2600 MHz และ 700 MHz มีลูกค้าในระบบแล้วกว่า 6.8 ล้านราย นั่นเป็นเพียงแค่เรื่องเบ ๆ ที่ AIS มาอัปเดตกัน แต่พ้อยท์สำคัญของเรื่องนี้คือการประกาศเปิดตัว “5G STANDALONE MODE” หรือ “5G SA” นั่นเอง โดย AIS ระบุว่าวันนี้ AIS พร้อมให้บริการ 5G SA แล้วทุกพื้นที่ 100% (ของพื้นที่ให้บริการ 5G) เพียงแค่มีมือถือที่รองรับเท่านั้น
5G SA Mode จะช่วยให้ประสบการณ์ใช้งาน 5G ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตา เพราะไม่ต้องใช้ 4G/3G เป็นพื้นฐานการทำงานของ 5G อีกต่อไป สิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้คือการใช้งานที่ราบรื่นมากขึ้นจากค่า Latency ที่ต่ำกว่าหลัก 10 มิลลิวินาที ทำให้เข้าถึงทุกสิ่งอย่างได้รวดเร็วมากขึ้น ถ้าให้เห็นภาพมากขึ้น ใน 5G NSA แบบเดิม หรือตอน 4G การเล่นเกมแนว Action อย่าง RoV บางครั้งเวลาเราออกสกิล พอกดแล้วมันจะหน่วงๆ สักพักแล้วฮีโร่ถึงค่อยปล่อยสกิลออกไป แต่พอเป็น 5G SA เท่านั้นแหละ กดปุ๊บออกปั๊ป กดปั๊ปออกปุ๊ป เรียกว่าออกสกิลเร็วแบบให้เราไม่ได้พักกันเลยทีเดียว
สำหรับ 5G SA Mode จะพร้อมให้ใช้งานบนมือถือบางรุ่น นั่นคือ
- Huawei P40 ขึ้นไป (อัปเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุด)
- Samsung Galaxy S21 ขึ้นไป (อัปเดตเฟิร์มแวร์ล่าสุด)
- iPhone 14/14 Pro (อัปเดต iOS เวอร์ชันล่าสุด)
และมีเงื่อนไขเล็ก ๆ เพิ่มเติม นั่นคือ 1. ต้องใช้แพ็คเกจราคา 699 บาทขึ้นไป 2. ซิมการ์ดต้องรองรับ SUCI (Subscriber Concealed Identifier) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยของ 5G โดยเฉพาะ กรณีข้อแรกถ้าไม่ถึง ก็เปลี่ยนโปรใหม่ หรือติดต่อ AIS Call Center 1175 เพื่อขอเปิดใช้งาน 5G SA Mode ง่ายๆ อีซี่ๆ แต่ถ้าเป็นข้อสอง ซิมการ์ดไม่รองรับทำไงดี? ด้วยความที่มือถือที่ใช้งานได้ “ล้วนรองรับ eSIM หมด” ก็จับเปลี่ยนเป็น eSIM ไปเลยง่าย ๆ อีซี่ ๆ ผ่านแอปฯ myAIS หรือติดต่อ AIS Shop/Telewiz สาขาใกล้บ้าน เพื่อให้พนักงานดำเนินการออก eSIM ทดแทนให้ได้เลย หรือจะขอซิม 5G ใหม่ก็ไม่ว่ากัน
แต่ถ้า 5G SA ยังแรงไม่สะใจ… เราขอนำเหนอ!
700 ก้อนใหม่ จากใจ "NT"
เรื่องที่ 2 ที่ AIS ประกาศเกี่ยวกับ Network นั่นคือการประกาศได้สิทธิ์การใช้งานคลื่น 700 MHz จำนวน 5×2 MHz ที่เป็นของ NT (CAT Telecom) อย่างเป็นทางการ ซึ่งการได้คลื่นก้อนนี้มา จะทำให้ AIS มีคลื่น 700 MHz สำหรับให้บริการ 5G ในพื้นที่วงกว้าง ใหญ่ที่สุดถึง 40 MHz นั่นคือขา Uplink 20 MHz และขา Downlink 20 MHz และยังทำให้ AIS มีคลื่นในพอร์ตเยอะที่สุดถึง 1460 MHz เลยทีเดียว
เงื่อนไขการใช้งานคลื่นก็เหมือนกันกับ AIS-T ที่เราคุ้นเคยกัน นั่นคือฝั่ง AIS จะเป็นคนเดินหน้าขยายเครือข่ายให้ โดยมี My (และ NT Mobile) มาใช้ความจุโครงข่ายส่วนหนึ่งภายใต้งบลงทุนจากรัฐบาลกว่า 60,000 ล้านบาท ซึ่งการลงทุนนี้เป็นการลงทุนทดแทนคลื่นชุดเดิม เนื่องจากคลื่น 850 MHz (TrueMove H 3G)/2100 MHz (AIS-T 3G/4G) และ 2300 MHz (dtac Turbo 4G) จะหมดสิทธิ์การใช้งานพร้อมกันในวันที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2568 และต้องส่งคืน กสทช. เพื่อนำออกประมูลใหม่ ดังนั้น NT จึงต้องลงทุนวางโครงข่ายใหม่จากคลื่น 700 MHz ที่ CAT Telecom ไปประมูลได้มานั่นเอง
สาเหตุที่ NT เลือก AIS ก็ต้องย้อนกลับไปย่อหน้าแรก ๆ นั่นคือด้วยพื้นที่ 5G ของ AIS ที่ครอบคลุมแล้วกว่า 87% ของประชากร เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นได้ง่าย ๆ การที่ NT เลือกจับมือกับ AIS ก็พร้อมที่จะทำให้ลูกค้าฝั่ง My/NT Mobile ได้รับประสบการณ์ที่ดีจาก 5G ที่พร้อมใช้งานทั่วประเทศทันที และจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตประชากรไทยขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่นอน
คลื่น 700 MHz ก้อนนี้ยังอยู่ในระหว่างการดำเนินการ พร้อมใช้งานเมื่อไหร่นั้น AIS/NT จะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป
แต่ที่ไม่ต้องรอและตื่นเต้นฝุด ๆ ต้องเรื่องนี้!
เร็วนรกแตก กับ mmWave !! ครั้งแรก "กลางสยามสแควร์"
ไฮไลต์ที่สุดของเรื่อง Network ที่เห็นแล้วตาค้างแน่นอน ต้องยกให้กับเรื่องนี้ นั่นคือการประกาศเปิดให้บริการ 5G mmWave สำหรับลูกค้ากลุ่ม Consumer อย่างเป็นทางการ “รายแรกในประเทศไทย”
โดยเรื่องนี้ AIS ทำงานร่วมกับ Qualcomm อย่างหนัก เพื่อพัฒนาอุปกรณ์/ชิปเซ็ตให้รองรับการใช้งานร่วมกับคลื่น Ultra-Wideband 26 GHz ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งจากการทดสอบ AIS สามารถกดสปีดได้เร็วแบบนรกแตกถึง 3 Gbps! (ใช่ครับ! เร็วกว่าเน็ตบ้าน 2 Gbps !!!) และ Latency นิ่งสุดๆ เพียงแค่หลักมิลลิเดียว ซึ่งทั้งหมดจะช่วย Drive ให้ลูกค้า AIS 5G สามารถซิ่งบนโลก 5G ได้เต็มแม็กซ์กว่าใครเลยทีเดียว
ปัจจุบัน AIS เริ่มวางโครงข่าย 5G Ultra-Wideband แล้วในบางพื้นที่ ซึ่งชื่อที่ประกาศออกมาแน่นอนแล้วคือย่านสยามสแควร์ ส่วนที่อื่นจะมีที่ไหนบ้างนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป และอุปกรณ์ที่ใช้งานได้นั้น ถ้าไม่ผิดพลาดอะไร ปีนี้ AIS จะเริ่มนำเอามือถือ 5G Ultra-Wideband 26 GHz มาขายในประเทศไทยกันบ้างแล้วล่ะครับ
BROADBAND ที่เก่ง ต้อง "เจ๋ง" ยิ่งกว่า
หันมาที่ธุรกิจหมวดที่สองที่ปัจจุบันเป็นอีกหนึ่งฐานรายได้หลักของ AIS นั่นคือธุรกิจ Broadband Internet ในปีนี้ AIS ประกาศว่า AIS Fibre ขยายพื้นที่ครบ 77 จังหวัดกว่า 8.8 ล้านครัวเรือนแล้ว ในด้านผู้ใช้งาน AIS Fibre มีส่วนแบ่งในตลาดถึง 16% ยังเป็นผู้เล่นเบอร์ 3 ในตลาดอยู่ แต่งานนี้ AIS ขอลั่นวาจา “พร้อมที่จะพลิกท้าชนเบอร์ 1 ทันที!”
เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ AIS ได้ยื่นรายงานต่อ กสทช. ขอควบรวมกิจการ 3BB อย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เคลียร์ปัญหาภายในของทั้งฝั่ง AIS Fibre และฝั่ง JASIF ได้ครบทั้งหมด ซึ่ง AIS คาดว่าการควบรวมธุรกิจระหว่าง 3BB กับ AIS Fibre จะเสร็จสมบูรณ์ในช่วง Q2 ปีนี้ และด่านสำคัญอย่าง กสทช. น่าจะ “ผ่าน” ฉลุยแบบไม่มีข้อกังขาใด ๆ เพราะรายงานส่งไปขออนุมัติ มีเนื้อหาแบบละเอียดยิบ โปร่งใส ตรวจสอบได้ชัดเจน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับ กสทช. ว่าจะอนุมัติดีลนี้หรือไม่
ในด้านเทคโนโลยี ปีนี้ AIS Fibre พร้อมใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดของโลกอย่างสายไฟเบอร์โปร่งแสง (Transparent Fiber Optic) ในการขยายโครงข่ายทั้งภายนอกและภายใน ซึ่งสอดคล้องกับแพ็คเกจ Home Solution ที่ออกไปก่อนหน้านี้ และด้วยสปีดที่มาถึงทางตันกันแล้ว หลังจากนี้แพ็คเกจของ AIS Fibre จะเป็น 1Gbps เป็นหลัก เริ่มต้นที่ 699 บาทต่อเดือน และมีแพ็คเกจ 2 Gbps ตอบสนองต่อกลุ่มลูกค้า Premium Segment ต่อไป
BUSINESS ที่ไว้ใจได้ ต้อง ไว้ใจได้ "ยิ่งกว่า" เก่า
ในส่วนของฝั่งองค์กร AIS ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพการให้บริการกับลูกค้าองค์กรอย่างเต็มที่ โดยในปีนี้ GULF จะลงทุนร่วมกับ AIS และ Singtel จัดตั้ง Data Center ขนาดใหญ่ในประเทศไทย คาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2025 ซึ่ง Data Center แห่งนี้ จะช่วยให้ AIS สามารถพัฒนาบริการ Cloud Solution ให้แข็งแกร่งขึ้นไปได้อีกเป็นเท่าตัว เพราะนอกจากพันธมิตรที่ AIS มีอยู่ทั่วเอเชียแล้ว การมี GULF ที่เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ยังช่วยเพิ่มอำนาจในการต่อรองได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว
DIGITAL .. ALWAYS "KING"
แกนสุดท้ายและท้ายสุด คือเรื่องของ Digital Service ที่ AIS มุ่งเน้นมาตลอดตั้งแต่ยุค 3G จนถึงยุคปัจจุบัน โดยในปีนี้ AIS ยังคงมุ่งเน้นการพัฒนาคุณภาพคอนเทนต์ที่หลากหลาย ครบเครื่อง ให้ลูกค้าได้รับชมอย่างเต็มที่ ชนิดที่ดูกันให้ตาแฉะกันไปข้างนึงเลยทีเดียว
เริ่มกันที่ฝั่ง OTT กันก่อน ในปีนี้ AIS ประกาศเป็น Bundle Provider ของ Netflix อย่างเป็นทางการ “เจ้าแรกในประเทศไทย” นั่นหมายความว่าแพ็คเกจของ AIS 5G และ AIS Fibre หลังจากนี้ จะเริ่มมีการนำเอาแพ็ค Netflix มาบันเดิลรวมให้แล้ว โดยที่ลูกค้าไม่ต้องจ่ายค่าแพ็คเกจ Netflix แยกต่างหากอีกต่อไป ซึ่งถือเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าพอสมควร ในขณะที่ Exclusive OTT อย่าง Disney+ Hotstar / MONOMAX / VIU เราก็จะได้เห็น AIS นำมาบันเดิลรวมในแพ็คเกจเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเช่นกัน
นอกจาก OTT ที่กล่าวข้างต้นแล้ว AIS ยังร่วมมือกับ BECi ในเครือ BEC World ทำบันเดิลกับ 3+ Premium ให้ลูกค้า AIS ได้รับชมละครช่อง 3 ย้อนหลังก่อนใครบนความละเอียด 1080p พร้อมเนื้อหา Premium ที่ดูได้เฉพาะลูกค้า 3+ Premium ในราคาสุดพิเศษเพียง 59 บาท/เดือน (จากปกติ 99 บาท/เดือน) แถมให้ดูฟรีเดือนแรกอีกด้วย รวมถึงฝั่ง AIS Play เอง ก็ยังเปิดให้ลูกค้าได้รับชมสุดยอดคอนเทนต์กีฬาระดับโลกหลากหลายรายการ ไม่ว่าจะเป็น เทนนิส ฟุตบอลยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ยูฟ่ายูโรปาลีกและ ลีกชั้นนำของยุโรปอีกมากมาย ผ่านช่อง beIN Sports ที่วันนี้ AIS ให้ลูกค้ารับชมฟรีถึง 11 เมษายนนี้
ฝั่ง Device เองก็ไม่น้อยหน้าเช่นกัน ในปีนี้เราจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ จาก AIS อีกมาก เริ่มต้นจากภาพข้างบนนี่เลย กับครั้งแรกของ iPhone Subscription Model ภายใต้ความร่วมมือกับ UOB และ Remobile
โครงการนี้เป็นการให้ลูกค้าสินเชื่อ UOB Cash Plus หรือ Citi Ready Credit สามารถผ่อนจ่ายค่า iPhone เบา ๆ 0% 34 เดือน เริ่มต้นเพียง 850 บาท/เดือน โดยที่เดือนที่ 24 ลูกค้าจะมีสองทางเลือก คือ “ขายคืน” โดยที่ Remobile จะรับซื้อ iPhone 14 เครื่องเก่าคืนในราคาการันตีขั้นต่ำ 30% ของราคาเครื่องก่อนหักส่วนลดต่าง ๆ แลกกับการที่ลูกค้าไม่ต้องผ่อนชำระค่างวดคงค้างต่อในงวดที่ 25-34 หรือ “ผ่อนชำระ” ต่อจนครบ 34 งวดตามสัญญา เงื่อนไขง่าย ๆ นอกจากต้องถือบัตร UOB Cash Plus/Citi Ready Credit คือลูกค้าต้องใช้แพ็คเกจ 699 บาทขึ้นไปเท่านั้น
นอกจากโครงการเช่า iPhone แล้ว AIS ยังมีแพ็คเกจพิเศษสำหรับลูกค้า AIS Fibre กับแพ็คเกจบันเดิล “Samsung Smart TV” (รุ่น 7700AU) เพียงจ่ายค่าบริการล่วงหน้าตามที่กำหนดเท่านั้น ก็รับทีวี Samsung เครื่องยักษ์กลับบ้านได้ทันที มีให้เลือกตั้งแต่ไซส์ 43 นิ้ว ไปจนถึงไซส์ยักษ์ 65 นิ้วกันเลยทีเดียว
ในส่วนของ Device อื่น ๆ ที่ AIS จะนำเข้ามาทำตลาดในฐานะ Exclusive at AIS อีกหนึ่งชิ้นก็คือแท็บเล็ต Nubia Pad 3D แท็บเล็ตที่สามารถแสดงผล 3 มิติโดยไม่ต้องใช้แว่นตาเครื่องแรกของโลก ในงานวันนี้ AIS ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะนำเข้ามาจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้
LIFESTYLE เพื่อลูกค้าที่จัดเต็ม "ยิ่งกว่า" ปกติ
อีกหนึ่งเรื่องหลักที่ AIS ทำได้ และยังคงทำได้ดี นั่นคือเรื่องของ Lifestyle ที่ AIS ยังคงจัดหนักจัดเต็มไม่เปลี่ยนแปลง ในปีนี้กับโครงการ AIS Point เราจะได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ที่เจ๋งมากขึ้น นั่นคือ
บัตร Be1st Digital AIS Point บัตรเดียวที่ใช้แล้ว "ได้ Point"
เริ่มต้นกันด้วยของที่ AIS เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้อย่างบัตรเดบิต Be1st Digital AIS Point ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างธนาคารกรุงเทพ และ AIS ในการเปิดโอกาสด้านสิทธิพิเศษครั้งใหม่ให้ลูกค้า นอกเหนือจากการใช้บริการของ AIS เท่านั้น โดยทุกการใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตร 200 บาท จะได้รับ 1 AIS Point สูงสุด 100 AIS Point / บัตร / เดือน
ลูกค้าธนาคารกรุงเทพสามารถออกบัตร Be1st Digital AIS Point ได้แล้ววันนี้ ที่แอปฯ Bualuang M Banking โดยสามารถเลือกได้ว่าจะออกบัตรดิจิทัลอย่างเดียว หรือออกบัตรดิจิทัลควบคู่กับบัตรพลาสติก โดยบัตรจะออกและจัดส่งให้ถึงบ้านลูกค้าอัตโนมัติ และพิเศษสำหรับช่วงเปิดตัวบัตร รับสิทธิ์ยกเว้นค่าธรรมเนียมการออกบัตร 300 บาท และรับ 100 AIS Point ทันทีที่ใช้งานออนไลน์ครั้งแรก และสำหรับลูกค้าใหม่ที่เปิดบัญชี e-Saving พร้อมสมัครบัตร และใช้งานบัตรตามเงื่อนไขที่ธนาคารกำหนด รับทันที 200 AIS Point แบบจุก ๆ ไปเลย
แลกคะแนนไม่จำกัด กับพันธมิตรที่ร่วมรายการ
อีกหนึ่งช่องทางการสะสม AIS Point นอกจากบัตร Be1st Digital AIS Point คงหนีไม่พ้นการแลกคะแนนจากพันธมิตรมายัง AIS Point โดยปัจจุบัน AIS เปิดรับแลกคะแนนเป็น AIS Point จากหลากหลายพันธมิตร อาทิ Citibank/Bangchak/K Point/PTT Blue Card/Mueangthai Smile Club/FWD Max/Oceanlife และสามารถนำ AIS ไปใช้งานร่วมกับร้านค้าพันธมิตรทั้งรายใหญ่และรายย่อยกว่า 1.8 ล้านราย รวมไม่กว่า 20,000 ร้านค้า
ซึ่ง AIS ยังคงให้คำมั่นสัญญาในการพัฒนาสิทธิพิเศษต่าง ๆ ให้ครอบคลุมกับ Lifestyle มากขึ้น ตอบรับต่อชีวิตที่ไม่เคยสงบนิ่งอีกต่อไป
สรุป "ทั้งหมด เพื่อ ที่ 1 อย่างสมบูรณ์แบบ"
พูดกันตามตรง เราคงไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า วันนี้ AIS ที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ดูจะแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นไปอีก แม้สถานการณ์หลายอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมา ดูจะเป็นการโค่นให้ AIS หล่นจากที่ 1 มาอยู่ที่ 2 แต่สำหรับ AIS เรื่องพวกนี้เป็นแค่ “เรื่องจิ๊บ ๆ” และ AIS ไม่เคยกลัวเรื่องแบบนี้อยู่แล้ว
อย่างแรกที่เห็นได้ชัดคือ AIS ยืนยันว่าหลังการควบกิจการระหว่าง True/dtac ฝั่ง AIS ยังไม่เห็น Impact สำคัญที่ส่งผลต่อยอดลูกค้าแต่อย่างใด แม้วันนี้จำนวนลูกค้ารวมจะอยู่เป็นเบอร์ 2 แต่ AIS เชื่อว่าในอีกไม่กี่ปีนับจากนี้ เราจะกลับเป็นที่ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะ AIS คาดการณ์ว่าเราจะได้เห็นจำนวนเบอร์โทรศัพท์แตะหลัก 800 ล้านภายใน 5 ปีข้างหน้า ซึ่งปัจจุบันยอดเบอร์ของทั้งสองค่ายรวมกัน ยังมีเพียงหลักร้อยล้านเท่านั้น ฉะนั้น AIS จึงมองว่าภาพรวมของตลาดยังเหลือเวลาให้ AIS เติบโตอยู่พอสมควร จึงไม่แปลกที่ AIS แทบจะไม่อะไรเลยกับดีลระหว่าง True/dtac
อย่างที่สองคือการควบรวมธุรกิจ 3BB ซึ่ง AIS มั่นใจว่ายังไงก็ผ่าน การควบรวมธุรกิจครั้งนี้จะช่วยให้ AIS พลิกขึ้นมาเป็นเบอร์ 2 ของกลุ่มเน็ตบ้านชนิดที่จ่อคอหอย True Online แบบติด ๆ แบบว่าถ้า True เผลอเมื่อไหร่ AIS ก็พร้อมที่จะแซงขึ้นเป็นที่ 1 ได้ทันทีเช่นกัน งานนี้คงต้องดูกันต่อไปยาว ๆ ว่า AIS/True จะฟัดกันยังไงต่อในตลาดนี้
แต่ก็อย่างที่ True เคยคาดการณ์เอาไว้ว่า ยังไงการแข่งขันนับจากนี้ Convergence ต้องมาก่อน การแถลงวิสัยทัศน์ของ AIS ในครั้งนี้ ดูเผิน ๆ แล้ว เหมือน AIS กำลังตั้งใจที่จะสร้าง Convergence ของตัวเองผ่าน Ecosystem ที่วางรากฐานไว้อย่างแข็งแกร่ง ทั้งในเรื่องคอนเทนต์ที่มีหลากหลาย การเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งสำหรับทั้ง Consumer และ Business และการมีโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงทั้ง Mobile และ Broadband ทั้งหมดจะช่วยเสริมซึ่งกันและกัน และจะทำให้ AIS โตขึ้นไปได้อีกอย่างแน่นอน
ในแง่ของผู้ใช้งานอย่างเรา ๆ แทบไม่ต้องทำอะไรกันเลย เมื่อทั้งสองค่ายหงายไพ่ในมือหมดแล้ว เราก็แค่มารอดูความตื่นเต้นในตลาดกันต่อไปดีกว่าครับ 🙂