True Group ประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสแรก 2566 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกหลังควบรวมกิจการกับ dtac แล้วเสร็จเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา โดยผลประกอบการไตรมาสนี้ อาจจะไม่เป็นที่น่าพอใจสำหรับผู้ถือหุ้นเท่าไหร่นัก แต่ True Group ยังคงยืนยันว่าแนวโน้มของบริษัทยังคงเติบโตได้ดี เพราะมีธุรกิจและบริการที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ได้อย่างลงตัว
ในไตรมาสแรก True Group ทำรายได้ 38,985 ล้านบาท ตกลงจากปีก่อน 6.7% เนื่องจากไตรมาสนี้กลุ่ม Device ขายอุปกรณ์ได้น้อยลง ซึ่งเป็นผลต่อเนื่องจากภาวะชิปเซ็ตขาดตลาด รวมถึงการเปิดตัว iPhone 14 ที่ประเทศไทยเปิดตัวเร็วกว่ากำหนดเดิม (จากเดิมเป็น Tier 1 ซึ่งอยู่ในช่วง Q3/2565) และภาวะ iPhone 14 Pro ขาดตลาดหนักทั่วโลกเมื่อต้นปี ทำให้ยอดขายอุปกรณ์ที่หลัก ๆ มาจาก iPhone ในไตรมาสนี้ลดลงอย่างชัดเจน แต่ในขณะเดียวกัน ค่าเสื่อมราคาและรายการตัดจ่ายก็ลดลงจากปีก่อนถึง 5.2% ซึ่งเป็นผลจากประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้นจากการควบรวมกิจการกัน ด้วยเหตุผลสองข้อจึงส่งผลให้ในไตรมาสนี้ True Group ขาดทุน 492 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากความผันผวนของค่าเงินและอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศเท่านั้น
ในแง่จำนวนผู้ใช้งาน หลังการควบรวมกิจการเมื่อเดือนมีนาคม ในไตรมาสที่ผ่านมายอดผู้ใช้งานธุรกิจ Mobile โตขึ้น 676,000 เลขหมาย เป็น 50.5 ล้านเลขหมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นระบบเติมเงินจากที่ลูกค้านักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา ทำให้ธุรกิจกลุ่ม Travel SIM กลับมาเติบโตอีกครั้ง ในจำนวนนี้คิดเป็นลูกค้าระบบ 5G จำนวน 6.3 ล้านราย ซึ่งโตจากไตรมาสก่อนถึง 13% และ ARPU เฉพาะลูกค้ากลุ่มนี้โตขึ้น 10-15% ธุรกิจเน็ตบ้านโตขึ้น 0/3% เป็น 3.84 ล้านราย โดย True Group ยังมองว่าการแข่งขันในตลาดรุนแรง กลุ่ม Pay TV ลดลง 2.7% เป็น 1.4 ล้านราย แต่รายได้รับกลับสูงขึ้นจากการเปลี่ยนรูปแบบการขายบริการเป็นการขายพ่วงไปกับธุรกิจเน็ตบ้าน กลุ่มดิจิทัลผู้ใช้งานสูงขึ้นถึง 35.8 ล้านราย คิดเป็น 19% จากปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการตอบรับของแคมเปญ Better Together ที่ผลักดันให้ยอดผู้ใช้งานทั้ง True ID และ dtac App สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับแผนการลงทุนต่อไป True Group ตั้งงบประมาณการลงทุนอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท โดยหลักเน้นไปที่การสื่อสารภาพลักษณ์ในแบรนด์ให้เข้าถึงลูกค้า พัฒนาบริการที่หลากหลายมากขึ้น เน้นการขายพ่วงที่จะช่วยเพิ่มรายได้ในระยะสั้น รวมถึงการเปิดตัวบริการ True X ของ Digital Group ที่จะช่วยเพิ่มรายได้การให้บริการในอีกทางหนึ่ง ส่วนแผนการลงทุนด้านโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐานจะเริ่มปรากฎให้เห็นได้ 10 เดือนหลังควบรวมกิจการ เนื่องจากบริษัทฯ ยังอยู่ระหว่างการปรับปรุงโครงสร้างภายใน และปรับแผนการลงทุนหลังควบรวมกิจการให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบันให้มากที่สุด