การปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ของ Samsung ในช่วงที่ผ่านมา กลายเป็นการลงทุนนั้นออกดอกผลมาให้เก็บกินได้ในระยะยาว โดยผลประกอบการในช่วงไตรมาส 3/2017 บริษัทสามารถทำได้รายและกำไรเป็นสถิติสูงสุดสองไตรมาสติดต่อกัน ด้วยรายได้ 5.54 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ปีก่อน 4.27 หมื่นล้าน) ได้กำไรจากการดำเนินการ 1.29 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ (ปีก่อน 4.6 พันล้าน) ทั้งที่ไตรมาส 2 นั้นก็พึ่งจะทำสถิติใหม่ด้วยรายได้ 5.47 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ และมีกำไร 1.21 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ มาก่อนแล้ว
ปัจจัยที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ ธุรกิจชิปเซ็ตหน่วยความจำทั้ง DRAM และ NAND ที่มีความต้องการจากตลาดขยายตัวสูงขึ้นอย่างมากในรอบขวบปีที่ผ่านมา ตรงกันข้ามกับกำลังการผลิตด้วยเทคโนโลยีใหม่นั้นยังมีจำนวนจำกัด ถือเป็นเส้นเลือดใหญ่ของบริษัทด้วยผลกำไรประมาณ 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และคาดหมายว่ายังคงความต้องการต่อเนื่องจากตลาดเซิร์ฟเวอร์ สมาร์ทโฟน รวมไปถึงเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ ที่ต้องการการใช้งานหน่วยความจำในจำนวนมากต่อไป
สำหรับแผนกสมาร์ทโฟนรายได้ปรับตัวลดลง 18.9 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับกำไรที่ลดลง แต่ก็ทำเงินให้บริษัทได้ 2.95 พันล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากสินค้าตระกูล Galaxy J (2017) ขายได้มากขึ้น ในส่วน Galaxy Note 8 มีการตอบรับที่ยอดเยี่ยมตั้งแต่การเปิดทำตลาดในช่วงกลางเดือนกันยายน โดยคาดหมายว่ากำลังซื้อจะเพิ่มขึ้นต่อไปก่อนหมดปีอีกด้วย รายได้โทรทัศน์และเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ทำได้ดีแต่กำลังซื้อลดลงทำให้มีกำไรน้อยกว่าคาดหมาย ด้านสายการผลิตหน้าจอ OLED ที่มีลูกค้าพรีเมี่ยมนั้นมีต้นทุนที่เปิดสายการผลิตใหม่ และ LCD ที่คู่แข่งเพิ่มกำลังผลิตขึ้นมา ส่งผลทำให้มีกำไรน้อยลง
