dtac ประกาศจุดยืนในการปรับภาพลักษณ์องค์กรและบุคลากรเพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มตัวภายใน พ.ศ. 2563 ตามที่ dtac ได้ประกาศไปพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงองค์กร “FLIP IT” เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
คุณนาฏฤดี อาจหาญวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารงานทรัพยากรบุคคล dtac กล่าวว่า กลุ่มทรัพยากรบุคคล dtac ต้องดำเนินการปรับตัวตามนโยบายขององค์กรที่มุ่งเน้นสู่การเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มตัวตามนโยบาย dtac 2020 ที่ประกาศไว้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ดังนั้นเพื่อเป็นการขานรับต่อนโยบายดังกล่าว กลุ่มทรัพยากรบุคคลจึงได้ตั้งกลยุทธ์ในการพัฒนาบุคลากรดิจิทัลตามปัจจัยที่เกิดขึ้นของคนดิจิทัลซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 6 เรื่อง ดังต่อไปนี้
- คนดิจิทัลชอบทำงานเป็นรายชิ้นแล้วเปลี่ยนงานไปเรื่อยๆ (Project driven) เพื่อให้เกิดการท้าทายต่อตนเอง dtac แก้ปัญหาจุดนี้ด้วยการประกาศเปลี่ยนวัฒนธรรมองค์กรที่ดำรงมากว่า 20 ปี ภายใต้ปัจจัยหลัก 4 ประการ คือ To b daring (กล้าที่จะลอง) Think Different (คิดให้ต่าง) Act Fast (ทำให้เร็ว) และ Passion to Win (ความมุ่งมั่นที่จะชนะ) เพื่อให้พนักงานทุกระดับมีสิทธิในเสียงและการให้ความคิดเห็นของตัวเอง ทำให้เกิดความกล้าแสดงออก และเพื่อความเสมอภาคในทุกระดับของพนักงานในองค์กร
- คนดิจิทัลหวังผลในการทำงานมากกว่าความสำเร็จในอาชีพ เพื่อให้เกิดความท้าทายต่อบุคลากรดิจิทัล dtac ได้ใช้โครงการ Ignite Incubator ซึ่งดำเนินการร่วมกันภายใต้กลุ่ม Telenor และดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 3 เป็นเวทีหลักในการให้พนักงานได้ใช้เวทีดังกล่าวในการแสดงออกถึงความคิดหรือเสนอไอเดียในการตั้ง Startup ขึ้นมาใหม่ ผู้ชนะจะได้มีบริษัท Startup เป็นของตัวเองโดยมี Telenor เป็นผู้ร่วมลงทุนในกิจการ พร้อมกันนี้ dtac ยังสนับสนุนให้กลุ่มคนดิจิทัลที่มีความคิดที่สร้างโปรเจคใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่นโครงการ Line Mobile ที่ประสบผลสำเร็จมาแล้ว
- คนดิจิทัลไม่ถูกกับวัฒนธรรมองค์กรแบบเดิม dtac แก้ปัญหาในเรื่องนี้ด้วยการปรับภาพลักษณ์องค์กรตามข้างต้น และยังสนับสนุนให้พนักงานในทุกภาคส่วนเกิดการแข่งขันกันภายใน เพื่อให้บุคลากรดิจิทัลไม่รู้สึกเบื่อหน่ายในหน้าที่การงาน
- คนดิจิทัลไม่ชอบถูกปิดกั้นพื้นที่ dtac เผยว่าตั้งแต่การย้ายสำนักงานใหญ่จากอาคารเดิมบนถนนวิภาวดี-รังสิต มาที่อาคารจตุรัสจามจุรีเมื่อ พ.ศ. 2552 dtac ได้สร้างให้อาคารสำนักงานแห่งนี้เป็นอาคารสำนักงานเพื่อคนรุ่นใหม่ โดยเน้นการสร้างพื้นที่ส่วนรวม (open space) เพื่อให้บุคลากรได้พักผ่อน และได้สร้างให้บรรยากาศภายในห้องไม่ดูอึดอัดด้วยการลดการใช้ฉากกั้น รวมถึงไม่มีห้องทำงานแยกเฉพาะของ CEO และรองประธานในตำแหน่งต่างๆ เพื่อให้พนักงานได้รู้สึกว่าตำแหน่งหน้าที่การงานไม่ได้ต่างกันมากเกินไป
- คนดิจิทัลไม่ชอบทำงานซ้ำๆ ซากๆ dtac ตอบรับต่อแนวความคิดนี้ด้วยการเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถทำงานข้ามแผนกเพื่อเรียนรู้งานในตำแหน่งใหม่ๆ ได้ เช่นพนักงานฝ่ายการเงินสามารถข้ามไปทำงานในฝ่ายการตลาดได้เป็นต้น ความท้าทายในการทำงานข้ามแผนกคือบุคลากรจะสามารถเติบโตตามตำแหน่งงานที่ทำอยู่ หรือตำแหน่งงานที่ไปทำข้ามแผนกได้ และเมื่อโอกาสมาถึง บุคลากรเหล่านั้นก็สามารถย้ายข้ามแผนกได้ทันทีโดยไม่ต้องสอนงานหรือสอบวัดความรู้กันใหม่
- คนดิจิทัลชอบการเรียนรู้ในหน้าที่การงานใหม่ๆ เพื่อให้เกิดการแข่งขันในตัวเอง และเพื่อให้ก้าวทันต่อโลก dtac จึงเปิดแพลตฟอร์มการเรียนรู้ dtac academy และ Telenor Campus เพื่อให้พนักงานได้เรียนรู้ทักษะและความสามารถที่จำเป็นต่อการทำงาน หรือถ้าอยากเรียนรู้ในหน้าที่การงานใหม่ๆ ก็สามารถเรียนทักษะเบื้องต้นได้จากที่นี่ เพื่อนำไปต่อยอดในการทำงานในตำแหน่งใหม่ๆ ในอนาคต
ซึ่งจากการปรับปรุงกลยุทธ์ และปรับภาพลักษณ์ที่สำคัญขององค์กร ทำให้ dtac ได้เห็นการเติบโตที่ดีขึ้น พนักงานสามารถให้คำตอบในเรื่องดิจิทัลได้ดีขึ้น และ dtac สามารถทำนวัตกรรมการตลาดออนไลน์ได้โดยการใช้ AI มาช่วยในการประเมินสภาพตลาดเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดต่อลูกค้า ทั้งหมดนี้ก็เพื่อตอกย้ำการเปลี่ยนแปลงสภาพบริษัทไปเป็นองค์กรดิจิทัลเต็มตัวในอีกไม่กี่ปีนับจากนี้
สำหรับคุณนาฏฤดี รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคล จบการศึกษาระดับปริญญาตรีจากคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบการศึกษาในระดับปริญญาโทด้านการพัฒนาทรัพยาบุคคล จากมหาวิทยาลัยเว็บสเตอร์ สหรัฐอเมริกา เธอมีประสบการณ์การทำงานในองค์กรชั้นนำ เช่น เทสโก้ โลตัส โนเกีย ยูนิลีเวอร์ และได้มาร่วมงานกับ dtac ตั้งแต่ พ.ศ. 2558 โดยมีพันธกิจสำคัญในการขับเคลื่อน dtac ไปสู่การเป็นองค์กรดิจิทัล ภายใต้กลยุทธ์ดึงดูด รักษา และพัฒนาคนดิจิทัลในองค์กร