ภายหลังจากที่กลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันในเรื่องที่ Apple ใช้ซอฟท์แวร์ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่จัดการปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมของ iPhone 6s ตั้งแต่เวอร์ชั่น 10.2.1 เป็นต้นมา ทำให้เครื่องที่มีอาการแบตเตอรี่เสื่อม จะมีประสิทธิภาพการทำงานช้าลงไปตามจำนวนแบตเตอรี่ที่คงเหลือ โดยลดลงเฉลี่ยราว 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งทาง Apple เปิดเผยว่าเป็นวิธีการจัดการพลังงานไม่ให้เครื่องเกิดอาการปิดตัวฉับพลัน ทีอาจจะสร้างความเสียหายต่อชิ้นส่วนภายในตัวเครื่องได้
แต่ดูเหมือนว่าความหวังดีได้กลายเป็นดาบสองคม เมื่อลูกค้าบางส่วนได้รับทราบถึงข้อมูลที่เป็นประเด็นร้อนบนโลกอินเตอร์เนตเวลานี้ ได้ทำการยื่นฟ้องร้องต่อทาง Apple เป็นคดีมหาชนในเบื้องต้นไปแล้วจำนวน 2 คดี โดยระบุว่าบริษัทมีความตั้งใจที่จะหลอกลวงในการปรับลดความเร็วการทำงานตัวเครื่องโทรศัพท์ลง เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อเครื่องใหม่ที่อาจจะนำไปสู่การสร้างผลกำไรให้กับบริษัทมากขึ้น
ซึ่งทาง Atlas Consumer Law บริษัทกฏหมายนำโดย James Vlahakis ทนายเมืองชิคาโก้ได้เข้าเป็นที่ปรึกษาหลักของฝ่ายกลุ่มโจทย์ กล่าวอ้างว่า Apple ได้กระทำการผิดกฏหมายคุ้มครองผู้บริโภค โดยการลดความเร็วการทำงานเครื่องลงโดยไม่แจ้งต่อลูกค้านั้น หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นความตั้งใจที่จะหลอกลวงลูกค้าแล้ว ก็อาจจะทำให้มีความผิดตามข้อบังคับของรัฐอิลลินอยส์ รัฐอินเดียน่า และรัฐนอร์ธ คาร์โลไลน่า และอีกด้านหนึ่งก็มีการเปิดคดีความฟ้องร้องต่อ Apple ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ที่ต้องการให้ Apple แจ้งต่อลูกค้าอย่างตรงไปตรงมาว่า ต้องการลดความเร็วเครื่องตามคำแนะนำของบริษัทหรือไม่