ภายหลังจาก Broadcom Limited ได้ทำการหยั่งเชิงยื่นข้อเสนอพยายามซื้อกิจการบริษัท Qualcomm ไปในช่วงเดือนพฤศจิกายนของปีที่แล้วด้วยข้อเสนอระดับ 1 แสนล้านเหรียญสหรัฐ แต่ก็ถูกตอบปฏิเสธกลับมาอย่างทันควัน เนื่องจาก Qualcomm มองว่ามูลค่าไม่เป็นไปตามความเป็นจริง นอกจากนั้นยังมีความพยายามผลักดันตัวแทนบอร์ดบริหารชุดใหม่บางส่วนเข้าไปนั่งในคณะกรรมการบริษัทผ่านวาระการเลือกตั้งประจำปี แต่ถูกสกัดก่อนจะสัมฤทธิ์ผล
ซึ่งทาง Broadcom Limited เปิดโต๊ะเจรจารอบใหม่กับข้อเสนอที่บอกว่า “ดีที่สุดและจะเป็นข้อเสนอสุดท้าย” ด้วยวงเงิน 1.21 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งถ้าหากบรรลุข้อตกลงได้จริงก็จะทำให้เป็นการเข้าซื้อกิจการขนาดใหญ่ ที่สุดของอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ข้อเสนอดังกล่าวนี้จ่ายให้ 82 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ สูงกว่าข้อเสนอครั้งแรกอยู่ถึง 17 เปอร์เซ็นต์ (1.05 แสนล้าน) ด้วยกัน ทั้งนี้เองทาง Qualcomm ได้รับทราบถึงข้อเสนอเพื่อนำไปพิจารณาแล้ว
หากเกิดการควบรวมกิจการระหว่าง Broadcom Limited และ Qualcomm จะทำให้เกิดบริษัทผู้พัฒนาและผลิตชิปเซ็ตรายใหญ่อันดับสามของโลก ซึ่งอาจจะกินเวลาจัดสรรโครงสร้างในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีไม่น้อยไปกว่า 2 ปี ทั้งนี้ทาง Qualcomm เชื่อว่าการตรวจสอบในด้านการผูกขาดตลาดมีความล่าช้าอย่างมาก แต่ฝ่ายทนาย Daniel Wall จาก Latham & Watkins ระบุว่าทาง Broadcom ได้เร่งรัดกระบวนการทั้งในสหรัฐ จีน และสหภาพยุโรป ล่วงหน้าไปแล้ว
ในขณะที่ Qualcomm ยังอยู่ในขั้นตอนของการรอปิดดีลซื้อกิจการ NXP Semiconductors มูลค่า 4.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐอยู่ด้วย ทำให้ทาง Broadcom ยื่นคำขาดว่าต้องรวมมาในแพคเกจข้างต้นหรือไม่ก็ยกเลิก นอกจากนั้นแล้วความเห็นระหว่าง Hock Tan ที่เชื่อว่ายุคเฟื่องฟูของธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ได้จบลงไปแล้ว การลงทุนมูลค่าแพงๆ จะเปลืองเงินของผู้ถือหุ้น แต่ทาง Steve Mollenkopf เชื่อว่าก้าวต่อไปของการเติบโตในธุรกิจชิปเซ็ตยังรออยู่อีกไม่ไกล และทาง Broadcom ก็เดินเกมส์เร็วด้วยการเชิญบอร์ดบริหารจาก Qualcomm บางส่วนรวมไปถึง Paul Jacobs ไปร่วมบอร์ดบริหารชุดใหม่ล่วงหน้าแล้ว
ทางด้านนักวิเคราะห์ Stacy Rasgon แห่ง Sanford C. Bernstein & Co เขียนบันทึกข้อความถึงนักลงทุนในความดูแลระบุว่า สำหรับทาง Qualcomm แล้วถึงแม้ว่าข้อเสนอจะเพิ่มมูลค่าขึ้น อีกทั้งเป็นข้อเสนอสุดท้ายที่ดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังอาจจะไม่ใช่ราคาที่ทาง Qualcomm พึ่งพอใจจะยอมไฟเขียวให้เกิดการควบรวมกิจการ ที่อาจจะสร้างบริษัทผู้พัฒนาและผลิตชิปเซ็ตเกือบจะทุกชนิดที่มีการใช้งานบนสมาร์ทโฟนให้เกิดขึ้นได้
