ข่าวสั้น

สรุปสเปค Mac รุ่นใหม่ / iMac Pro / iPad Pro รุ่นใหม่ และ Apple HomePod

งาน WWDC2017 ที่จบลงไป สาระหลักสำคัญของงานนี้นอกจาก Software รุ่นใหม่ไม่ว่าจะ WatchOS4 / macOS High Sierra / iOS11 ก็คือเหล่าบรรดา Hardware ใหม่หมดที่มีทั้งการปรับสเปคใหม่ และของใหม่ถอดด้ามที่ได้เจอกันในปลายปีนี้ แต่ละตัวปรับอะไรกันบ้าง ราคาเท่าไหร่ มาดูกันเลยครับ

MacBook (จอ 12 นิ้วแบบ Retina display)

น้องเล็กของตระกูล MacBook รอบนี้ปรับ CPU ไปใช้ Core i 7th Gen (Kaby Lake) โดยรุ่นล่างใช้ Core m3 1.2GHz จับคู่ SSD ความจุ 256GB กับ Core i5 แบบ Dual-Core 1.3GHz จับคู่กับ SSD ความจุ 512GB โดยทั้งคู่ยืนพื้น RAM ที่ 8GB กับการ์ดจอ Intel HD Graphics 615 และปรับปรุงคีย์บอร์ดเป็นแบบกลไกลปีกผีเสื้อรุ่นที่ 2 เช่นเดียวกับ MacBook Pro with TouchBar เช่นกัน สั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายอยู่ที่

  • Intel Core m3 Dual-Core 1.2GHz+SSD 256GB = 47,900 บาท
  • Intel Core i5 Dual-Core 1.3GHz+SSD 512GB = 57,900 บาท

MacBook Air

ไม่ได้ตายไปเสียทีเดียว สำหรับอดีต MacBook รุ่นราคาถูกอย่าง MacBook Air เพราะรอบนี้มีการปรับสเปคเพียงเล็กน้อย คือความเร็วในการประมวลผลเดิมที่ 1.6 GHz เป็น 1.8 GHz และยังเป็น Intel Broadwell ไม่ได้ปรับขึ้นเป็น Kaby Lake แบบเดียวกับ MacBook 12 นิ้ว และวางจำหน่ายในราคาเดิมที่ 35,900 บาท

MacBook Pro with Touch Bar

13 นิ้ว

รอบนี้ MacBook Pro with Retina display จอ 13 นิ้ว ได้หายไปจากการทำตลาดเรียบร้อย โดยปรับ MacBook Pro จอ 13 นิ้ว แบบไม่มีแถบ Touch Bar ให้มีความจุ 128GB มาทำตลาดแทน พร้อมกับปรับไปใช้ CPU Core i 7th Gen (Kaby Lake) แต่ RAM ยังเป็น LPDDR3 8GB เช่นเดียวกับสเปคที่แล้วในราคาถูกกว่าเดิม 2,000 บาท สั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายทั้งหมดอยู่ที่

  • Intel Core i5 2.3GHz+128GB+ไม่มี Touch Bar = 47,900 บาท
  • Intel Core i5 2.3GHz+256GB+ไม่มี Touch Bar = 54,900 บาท
  • Intel Core i5 3.1GHz+256GB+Touch Bar = 65,900 บาท
  • Intel Core i5 3.1GHz+512GB+Touch Bar = 72,900 บาท

15 นิ้ว

แต่กับ MacBook Pro with Retina display จอ 15 นิ้ว ยังคงได้ทำตลาดคู่กับรุ่น Touch Bar ต่อไป สำหรับรุ่น Touch Bar สเปคหลักปรับไปใช้ CPU Core i 7th Gen (Kaby Lake) และกราฟิก AMD Radeon Pro 500 รุ่นใหม่ แต่ RAM ยังเป็น LPDDR3 16GB เช่นเดียวกับสเปคที่แล้วในราคาถูกกว่าเดิมเล็กน้อย สั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายทั้งหมดอยู่ที่

  • Intel Core i7 2.2GHz+256GB (โฉมเก่า) = 72,900 บาท
  • Intel Core i7 2.8GHz+256GB+Touch Bar = 85,900 บาท
  • Intel Core i7 2.9GHz+512GB+Touch Bar = 109,900 บาท

iMac

21.5 นิ้ว (รุ่นปกติ และ 4K Retina Display)

สำหรับน้องเล็กของ iMac ปรับสเปครอบนี้ก็จัดเต็มใช้ได้เลยทีเดียว โดย iMac 21.5 กับ iMac 21.5 4K มีการปรับไปใช้ CPU Core i 7th Gen (Kaby Lake) จับคู่กับ RAM แบบ DDR4 8GB รองรับ USB-C (Thunderbolt 3) ในส่วน Harddisk สเปคหลักเป็นความจุ 1TB โดยในรุ่น 21.5 4K มี Fusion Drive ความจุ 1TB ในรุ่นท็อปสุด การ์ดจอในรุ่น 21.5 4K ใช้ AMD Redeon Pro หน้าจอในรุ่น 21.5 4K ปรับปรุงใหม่ให้ขอบเขตสีกว้างระดับ P3 (พันล้านสี) และความสว่างสูงถึง 500 นิต (แรงเทียน) สามารถสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายทั้งหมดอยู่ที่

  • Intel Core i5 2.3GHz+1TB = 40,900 บาท
  • Intel Core i5 3.0GHz+1TB+Redeon Pro 555 2GB+4K = 47,900 บาท
  • Intel Core i5 3.4GHz+1TB Fusion+Redeon Pro 560 4GB+4K = 54,900 บาท

27 นิ้ว (5K Retina Display)

รอบนี้ใครอยากได้ iMac 27 5K สเปคนี้จัดว่าจัดเต็มขึ้น เริ่มที่การปรับไปใช้ CPU Core i 7th Gen (Kaby Lake) จับคู่กับ RAM แบบ DDR4 8GB ปรับแต่งสูงสุดได้ถึง 64GB รองรับ USB-C (Thunderbolt 3) หน้าจอปรับปรุงใหม่ให้ขอบเขตสีกว้างระดับ P3 (พันล้านสี) และความสว่างสูงถึง 500 นิต (แรงเทียน) โดยให้ Fusion Drive เป็นมาตราฐานทุกรุ่น สามารถสั่งซื้อได้แล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยราคาจำหน่ายทั้งหมดอยู่ที่

  • Intel Core i5 3.4GHz+Fusion Drive 1TB+Redeon Pro 570 4GB+RAM 8GB (สูงสุด 32GB) = 65,900 บาท
  • Intel Core i5 3.5GHz+Fusion Drive 1TB+Redeon Pro 575 4GB+RAM 8GB (สูงสุด 64GB) = 72,900 บาท
  • Intel Core i5 3.8GHz+Fusion Drive 2TB+Redeon Pro 580 8GB+RAM 8GB (สูงสุด 64GB) = 82,900 บาท

iMac Pro

ข่าวลือเรื่อง iMac ที่แรงไม่แพ้ Mac Pro ที่ออกกันมาสักพักใหญ่ ในปี 2016 ที่ผ่านมา ตอนนี้กลายเป็นความจริงเรียบร้อยกับ iMac Pro คอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะที่แรงระดับ Work Station ชั้นสูง โดยตัวเครื่องหน้าตาเหมือน iMac 5K ทุกส่วน แต่ที่ต่างคือ ตัวเครื่องมีแต่สีเทา Space Grey ซึ่งจับคู่กับ Magic Keyboard 2 / Magic TrackPad 2 / Magic Mouse 2 สีเทา Space Grey ที่ทำมาเข้าคู่โดยเฉพาะ

ด้านสเปคเครื่อง แรงชนิด Mac Pro รุ่นปัจจุบันมีค้อนใส่เอาได้ โดยตัวเครื่องใช้หน้าจอ 5K ขอบเขตสี P3​ (พันล้านสี) ความสว่าง 500นิต (แรงเทียน) จับคู่กับ CPU Intel Xeon สูงสุด 18 Core ใช้ RAM DDR4 แบบ ECC รองรับได้สูงถึง 128GB พร้อม SSB ความจุสูงสุดรองรับ 4TB การ์ดจอ AMD Redeon Pro Vega ที่ให้ VRAM สูงสุดถึง 16GB ประมวลผลภาพได้สูงถึง 22 teraflops เชื่อมต่อ USB-C (Thunderbolt 3) ได้ 4 ช่อง นำไปต่อจอภาพ 5K ได้อีกจอ พร้อมกัน ทำให้เมื่อรวมกับจอภาพหลักแล้ว สามารถแสดงผลพร้อมกันได้สูงสุดถึง 44 ล้านพิกเซล และเครื่องแรงขนาดนี้ ระบบระบายอากาศถูกออกแบบใหม่ ให้อากาศไหลผ่านได้ถึง 75% สะสมความร้อนในเครื่องได้ถึง 80% ซึ่งมากกว่า iMac 5K รุ่นปัจจุบัน

สำหรับราคาจำหน่ายในเบื้องต้น เริ่มต้นที่ $4,999 (ประมาณ 170,000 บาท) และมีกำหนดวางจำหน่ายในเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้

iPad Pro

แอบหลอกให้ตายใจเมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แต่ในงานนี้ Apple ปล่อย iPad ใหม่ออกมาเรียบร้อย โดยปรับขนาด 9.7 นิ้ว ให้กลายเป็น 10.5 นิ้วแทน (ความละเอียด 2224×1668 = 264ppi) ส่วน 12.9 นิ้ว ยังคงขนาดเดิมต่อไป สำหรับสเปคหลักจะเหมือนกันทั้งคู่ ไม่ว่าจะเป็น CPU แบบ A10x Fusion หน้าจอ TrueTone พร้อม ProMotion ที่ควบคุม Bitrate การแสดงผลให้เหมาะสมกับการใช้งาน รองรับขอบเขตสี P3(พันล้านสี)

กล้องถ่ายรูปใน iPad Pro ทั้งคู่ ใช้ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล รูรับแสง 1.8 ระบบกันสั่นแบบออปติคอล แฟลชแบบทรูโทนสีดวง ถ่ายวีดีโอ 4K รองรับกันสั่นแบบออปติคอล กล้องหน้าความละเอียด 7 ล้านพิกเซล รูรับแสง 2.2 พร้อม Retina Flash เรียกว่าสเปคเรื่องถ่ายรูป ยกจาก iPhone 7 มาให้เลย แบตเตอรี่ยังคงใช้งานได้ 10 ชั่วโมง (รุ่น Wi-Fi+Cellular ได้ 9 ชั่วโมง) ถ้าชาร์จไฟด้วยหัวชาร์จแบบ USB-C กับสาย USB-C to Lightning จะใช้งานระบบชาร์จด่วนได้

ตัวเครื่องมีความจุให้เลือก 64GB / 256GB และ 512GB พร้อมกับอุปกรณ์เสริมหลักอย่าง Smart Keyboard / Smart Cover และของใหม่เป็นซองหนังใส่ iPad พร้อมที่เหน็บ ​Apple Pencil สำหรับ iPad Pro จะวางจำหน่ายในช่วงเดือนมิถุนายนนี้ โดยรุ่น Wi-Fi+Cellular จะวางจำหน่ายในภายหลัง สำหรับราคาจำหน่ายทั้งหมดอยู่ที่

10.5 นิ้ว

  • Wi-Fi 64GB ทุกสี = 24,500 บาท
  • Wi-Fi 256GB ทุกสี = 27,900 บาท
  • Wi-Fi 512GB ทุกสี = 34,700 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 64GB ทุกสี = 29,500 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 256GB ทุกสี = 32,900 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 512GB ทุกสี = 39,700 บาท

12.5 นิ้ว

  • Wi-Fi 64GB ทุกสี = 30,900 บาท
  • Wi-Fi 256GB ทุกสี = 34,300 บาท
  • Wi-Fi 512GB ทุกสี = 41,400 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 64GB ทุกสี = 35,900 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 256GB ทุกสี = 39,300 บาท
  • Wi-Fi+Cellular 512GB ทุกสี = 46,100 บาท

อุปกรณ์เสริม

  • Smart Keyboard รุ่น 10.5 นิ้ว = 5,900บาท
  • Smart Cover รุ่น 10.5 นิ้ว = 2,100 บาท
  • Leather Sleeve รุ่น 10.5 นิ้ว = 5,700 บาท
  • Smart Keyboard รุ่น 12.9 นิ้ว = 6,300บาท
  • Smart Cover รุ่น 12.9 นิ้ว = 3,600 บาท
  • Leather Sleeve รุ่น 12.9 นิ้ว = 6,800 บาท
  • Apple Pencil Case = 1,200 บาท

HomePod

ชิ้นสุดท้ายที่เปิดตัว มีข่าวลือมาแรงช่วงก่อนงานว่า จะมีลำโพงที่สั่งงานด้วย Siri เปิดตัวในงานนี้ โดยชื่อที่อยู่ในข่าวลือคือ Siri Speaker แต่พอออกมาจริง ชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ HomePod ด้วยแนวคิดที่ปัจจุบัน หลาย บ้านต่างก็มีลำโพงไร้สาย บ้างก็เป็นลำโพงไร้สายปกติ บ้างก็เป็นลำโพงไร้สายที่พ่วงระบบควบคุมต่าง Apple จึงทำลำโพงตัวนี้มาเป็นทางเลือก โดยแนวคิดหลักคือ ต้องสวย / เสียงดี และฉลาด โดยงานออกแบบตัว HomePod เป็นผ้าสำหรับปิดลำโพงรอบตัว สูง 6.8 นิ้ว ไม่มีปุ่มอะไรเป็นพิเศษ มีลำโพงหลักหนึ่งตัว ทวีตเตอร์ 7 ตัว ไมค์รับเสียง 6 ตัว มีแสงอยู่ด้านบนของลำโพง เพื่อแสดงสถานะว่า Siri กำลังทำงาน ควบคุมการทำงานด้วย CPU Apple A8

การควบคุมสั่งงานผ่านคำสั่งเสียง Siri โดย Siri ใน HomePod สามารถคุย สั่งได้เหมือนที่ใช้ใน iPhone สามารถกระจายเสียงได้ตามลักษณะห้อง หรือจะยิงตรงหาคนฟังก็ได้ รองรับ AirPlay2 ทำให้เล่นเพลงออกลำโพงพร้อมกันได้ ไม่ว่าจะวางคู่กัน หรือวางอยู่กันคนละห้องก็ตาม และรองรับกับ HomeKit ด้วย 

สำหรับราคาของ HomePod อยู่ที่ $349 (ประมาณ 12,000 บาท) โดยวางจำหน่ายในสหรัฐฯ ปลายปีนี้ และประเทศอื่น ในช่วงต้นปี 2018 เป็นต้นไป

ส่งท้าย

ถึงงาน WWDC2017 จะเป็นเรื่องของ Software กับ Developers เป็นหลัก แต่ Hardware ที่ปล่อยมารอบนี้ ใครที่เล็ง iMac ดูจะมีความสุขที่สุด เนื่องจากไม่ได้ปรับสเปคมาพักใหญ่ ในขณะที่ MacBook 12 นิ้ว ดูจะเป็นการปรับสเปคที่น่าซื้อมากขึ้นที่สุด ในขณะที่ MacBook Pro with Touch Bar นั้น ใครที่ซื้อไปก่อนไม่นาน ถือว่าไม่เจ็บใจเท่าไหร่ แต่ถ้ากำลังจะซื้อ ก็ถือว่าได้ของใหม่ในราคาที่โอเคขึ้นเช่นกัน ในส่วน iPad Pro นั้น ใครที่พึ่งซื้อไป ก็ขอแสดงความเสียใจเล็กน้อย เพราะรุ่นใหม่ จัดว่าจัดเต็มและแรงกันยาว เลยทีเดียว

สำหรับของใหม่ที่ยังไม่มาอย่าง iMac Pro น่าจะทำให้กลุ่มที่จะซื้อ Mac Pro ต้องพับแผนและรอซื้อ iMac Pro กันไม่มากก็น้อย (เว้นแต่ต้องใช้เครื่องแล้ว) ส่วน HomePod นั้น ด้วยราคาและคุณสมบัติ ก็ดูมีลางว่าจะขายดีติดตลาดเหมือนที่ AirPods เคยทำได้มาแล้วเช่นกัน

นี่ขนาดแค่กลางปี รอบถัดไปคงเหลือแค่ iPhone รุ่นใหม่ในอีก 3 เดือนต่อจากนี้ จะจัดหนักแค่ไหน กันยายนที่จะถึงนี้ น่าจะได้เจอกันละครับ : )

คณะแกดกวน #teamgadguan

ดลกุล เนตรรัตนากุล (zipboy)

ชื่อเต๋า อายุหลัก 3 ชอบของเล่นไฮเทคทั้งหลาย แต่ไม่ค่อยจะได้เล่น ต้องไปยืมชาวบ้านมาลอง เป็นกรรมกรประจำ #TeamGadGuan รักที่จะเขียน และรักคนอ่านครับ^^