นอกจาก iOS 11 แล้ว ของอีกชิ้นที่เปิดตัวร่วมด้วยในงาน WWDC 2017 ก็คือระบบปฏิบัติการ macOS ตัวใหม่อย่าง macOS High Sierra (10.13) ซึ่งถือเป็นอัพเดทที่สำคัญอีกอัพเดตหนึ่งของ macOS แต่จะมีอะไรบ้างนั้น คณะแกดกวนได้สรุปข้อมูลแบบคร่าว ๆ มาให้ได้อ่านกันครับ
Apple File System รากฐานใหม่ของระบบไฟล์บน macOS
ของใหม่ชิ้นใหญ่หนึ่งชิ้น คือการเปลี่ยนฐานระบบไฟล์จาก Mac OS Extended มาเป็น Apple File System (APFS) ซึ่งเป็นระบบไฟล์รูปแบบใหม่ที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อรองรับกับการใช้งานร่วมกับ Fusion Drive หรือหน่วยความจำแฟลชโดยเฉพาะ และยังเป็นการทดแทนระบบไฟล์เดิมซึ่งพัฒนามาจาก HFS+ ที่ใช้บนระบบปฏิบัติการ UNIX มากว่า 30 ปีแล้ว โดยที่จุดขายหลักของ APFS จะมีดังต่อไปนี้
- รองรับการทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการ 64-bit โดยตรง และเป็นการวางรากฐานในการพัฒนาความสามารถใหม่ ๆ ของตัวจัดเก็บข้อมูลโดยเฉพาะ
- ออกแบบโดยคำนึงถึงความเร็วในการใช้งานโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างไฟล์ ทำสำเนา และการเรียกดูไฟล์ในโฟลเดอร์ เป็นต้น
- ออกแบบให้ยืดหยุ่น รองรับการเข้ารหัสข้อมูลตลอดเวลา
โดย APFS จะกลายเป็นระบบไฟล์มาตรฐานบน macOS High Sierra โดยตรง ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพราะในขั้นตอนการอัพเกรดระบบปฏิบัติการจะมีการแปลงระบบไฟล์ให้โดยอัตโนมัติระหว่างการติดตั้ง
Welcome to Virtual Reality World
ของใหญ่อีกหนึ่งชิ้น คือการอัพเกรด Metal เป็น Metal 2 เพื่อให้ macOS สามารถดึงพลังของหน่วยประมวลผลกราฟิกออกมาได้ดีมากขึ้น ซึ่งจากสิ่งที่ดีขึ้นนี้ จึงก่อให้เกิดโลกของ Virtual Reality บน Mac ขึ้นเป็นครั้งแรก
แนวทางที่ Apple เลือกใช้ คือการทำให้ macOS High Sierra รองรับแพลตฟอร์ม Steam VR ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม VR ที่ใหญ่ระดับหนึ่ง และมีอุปกรณ์รอพร้อมใช้งานอย่าง HTC Vive ทำให้ iMac with 4K/5K Retina Display, iMac Pro และ MacBook Pro รองรับการแสดงผลแบบ VR เต็มรูปแบบ ให้ผู้ใช้ได้เปิดประสบการณ์ใหม่ ๆ บน macOS โดยเฉพาะ
นอกจาก Steam และ Valve แล้ว Apple ยังได้พันธมิตรรายอื่น ๆ เข้ามาร่วมพัฒนา VR บน Mac อย่างเช่น Epic Games และ Unity ที่ประกาศอัพเดทฟังก์ชัน VR เข้ามาใน Unreal Engine 4 และ Unity บน macOS และ Apple เองยังได้ออกอัพเดทให้ Final Cut Pro X รองรับการตัดต่อวิดีโอ VR เพิ่มเติม และที่แน่ ๆ เราน่าจะได้เห็นคอนเทนต์ VR บน macOS เพิ่มมากขึ้นอย่างแน่นอน
Photos เพื่อมือโปร
หลังจากการเปิดตัว Photos ที่เป็นการรวมร่างของ iPhoto และ Aperture ใน OS X Yosemite เมื่อปี 2014 ที่ผ่านมา ใน macOS High Sierra รอบนี้ Photos ยังได้รับการตีบวกความสามารถเข้าไปมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเครื่องมือในการปรับแต่งภาพแบบใหม่ สามารถแต่งภาพ Live Photos ได้ อัลบั้มผู้คนที่แยกแยะใบหน้าได้ และรองรับการแต่งภาพในโปรแกรมจากผู้พัฒนารายอื่น เช่น Adobe Photoshop และเซฟไฟล์กลับ Photos Library หรือ iCloud Photo Library ได้เป็นต้น
Mac รุ่นล่าง แต่ประสิทธิภาพทะลุรุ่นท็อป!
อีกความสามารถหนึ่งที่เรียกว่าตื่นเต้นพอสมควร นั่นก็คือการรองรับอุปกรณ์หน้าตาข้างต้น หรือชื่ออย่างเป็นทางการของมันก็คือ External GPU ซึ่งเจ้านี่จะเป็นการปลดล็อกให้ Mac สามารถทำงานบนหน่วยประมวลผลกราฟิกรุ่นใดก็ได้ในโลก ผ่านสายความเร็วสูงอย่าง Thunderbolt 3 เรียกได้ว่าต่อให้ซื้อ MacBook Pro รุ่นล่างสุด แต่ก็สามารถต่อเข้ากับอุปกรณ์อย่าง Razer Core เพื่อใช้งาน NVIDIA TITAN X ในการประมวลผลกราฟิกได้อย่างไม่ต้องเกรงใจคำว่า MacBook กันเลยทีเดียว
เดิมทีความสามารถนี้มาพร้อมกับมาตรฐาน Thunderbolt 3 อยู่แล้ว แต่การใช้งานจำเป็นต้องมีการแต่งระบบปฏิบัติการเพื่อให้เรียกใช้กราฟิกการ์ดภายนอกได้ ซึ่งผิดกับ Windows 10 ในแบบ Bootcamp ที่เพียงติดตั้งไดรเวอร์ Thunderbolt ก็ใช้งานได้ทันที แต่ใน macOS High Sierra ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องแต่งระบบปฏิบัติการเหมือนแต่ก่อน แค่เสียบสายก็ใช้งานได้ทันที โดยที่ไดรเวอร์ของ GPU ตัวระบบจะดาวน์โหลดให้เองโดยอัตโนมัติ
นี่คือจุดเริ่มต้นของ Machine Learning ฉบับ Apple
นอกจากความสามารถในฉบับที่ผู้ใช้งานทั่วไปได้ตกตะลึงกันแล้ว สำหรับผู้ที่ทำงานด้าน Computer Science หรือนักวิจัยด้านคอมพิวเตอร์คงจะตื่นเต้นกันมากขึ้น เพราะ macOS High Sierra ยังเป็นจุดเริ่มต้นของ Machine Learning ฉบับ Apple อีกด้วย
สิ่งที่ Apple ทำ คือการออก Metal for Machine Learning เพื่อให้หน่วยประมวลผลกราฟิกสามารถหันมาประมวลผลข้อมูลได้ และ Core ML ที่คอยจัดเก็บข้อมูลผู้ใช้ สิ่งที่ผู้ใช้สนใจ และเอามาประมวลผลเป็นข้อมูลออกมาได้เป็นต้น ทำให้สามารถพัฒนาแอป ฯ ออกไปได้แบบกว้างขวางมากขึ้น ไม่จำเป็นต้องพึ่งเครื่องมือในการทำ Machine Learning เหมือนแต่ก่อนแต่อย่างใด
เมื่อไหร่ จะได้ใช้?
มาถึงคำถามสุดท้าย นั่นก็คือเมื่อไหร่จะได้ใช้งานกัน สำหรับคนที่สนใจ macOS High Sierra จะเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปีนี้ โดยที่จะเปิดทดสอบ Beta ก่อนในช่วงปลายเดือนมิถุนายน ซึ่งคนที่สนใจและชอบยืนริมขอบเหวก็สามารถไปลงทะเบียนเป็น Apple Beta Tester เพื่อรับสิทธิ์การใช้งานได้ก่อนใครครับ