สิ่งสำคัญที่ทำให้ Smartphone หลายยี่ห้อ สามารถชูจุดขายในตลาดได้ หนึ่งในหัวข้อที่ไว้พูดเพื่อขายของ ต้องมีเรื่องของ CPU หรือหน่วยประมวลผล ที่ถือเป็นสมองที่สั่งให้ซอฟท์แวร์สั่งงานชิ้นส่วนต่าง ๆ ของเครื่องได้ สำหรับครั้งนี้ เป็นโอกาสที่ Huawei นำของใหม่สด ๆ จากงาน IFA 2018 ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี นั่นคือ Kirin 980 ว่าที่สมอง หัวใจของ Smartphone รุ่นล่าสุด Huawei Mate 20 Series ที่จะได้เจอกันในวันที่ 16 ตุลาคมนี้
สำหรับความสามารถโดยสรุปของ Kirin 980 มีทั้งหมด 6 ข้อดังนี้
- นี่คือ SoC ที่ใช้เทคโนโลยีในการผลิตขึ้นที่ 7 นาโนเมตร เป็นตัวแรกของโลก Smartphone ที่จะวางจำหน่ายในเร็ววันนี้ (ตัวที่สองคือ A12 Bionic ที่ใช้ใน iPhone XR และ iPhone XS) ไส้ในของ Kirin 980 มีทรานซิสเตอร์กว่า 6.9 พันล้านตัว เมื่อรวมกันด้วยเทคโนโลยี 7 นาโนเมตร ผลที่ได้คือ ทุกการใช้งานของเรา จะรวดเร็วขึ้นกว่าเดิม โดย Huawei เทียบกับ Kirin 970 ว่า ประสิทธิภาพในการประมวลผลเร็วขึ้น 20% ในขณะที่อัตราการใช้พลังงานน้อยลง 40%
- โครงสร้างของ SoC ตัวนี้ใช้ Cortex-A76 ซึ่งถือเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตอนนี้ 4 หัว (เป็นหัว Turbo Performance 2 หัว และหัว System Performance อีก 2 หัว) รวมกับ Cortex-A55 อีก 4 หัว (ทำหน้าที่เป็น Low-power) รวมเป็นทั้งหมด 8 หัว พร้อมพัฒนาให้ EMUI 9.0 และ AI สามารถแบ่งการทำงานได้ฉลาดขึ้น ตัวอย่างเช่น ถ้าใช้งานแค่ฟังเพลง หัวที่ใช้สั่งงานจะเป็นหัวเล็ก ถ้าเล่น Social จะเริ่มเรียกหัวที่ใหญ่ขึ้นมาช่วย และถ้าใช้เล่นเกม ก็จะเรียกทุกหัวมาช่วยกันทำงาน ซึ่งการทำงานเหล่านี้ จะสลับให้ทันทีตามสิ่งที่เกิดขึ้นในเวลานั้น ซึ่งจะช่วยลดอาการ System Lagging ลงไปได้พอสมควร
- กราฟิก Mali G76 ดีกว่ากราฟิกที่อยู่ใน Kirin 970 ถึง 46% ใช้พลังงานน้อยลง 178% ทำให้การคำนวณเฟรมเรทของเกมต่าง ๆ ทำงานสม่ำเสมอ ลดการกระตุกของเกมได้อย่างชัดเจน และเมื่อรวมกับ GPU Turbo ก็ยิ่งช่วยให้ลื่นขึ้นยิ่งกว่าเดิมไปอีก
- Neural Processor Unit (NPU) ใน Kirin 980 พัฒนาให้ช่วยคำนวณการใช้พลังงานได้แม่นยำขึ้น ลดอาการหน่วง ค้าง ในทุกการใช้งาน เพราะมีการจัดสรรพลังงานที่เหมาะสมมากขึ้น ลดการใช้พลังงานแบบไม่จำเป็นไปได้สูงถึง 32%
- Dual ISP ใน Kirin 980 คิดก่อนเริ่มถ่ายได้เร็วขึ้น 46% ใช้พลังงานน้อยลง 23% อาการหน่วงขณะกดชัตเตอร์ถ่ายรูปลดลง 33% เมื่อผสานกับ NPU แล้ว การคำนวณลักษณะการถ่ายภาพเพื่อให้ออกมาสวย สามารถทำได้เร็วขึ้นถึง 4,500 ภาพต่อวินาที จากเดิมที่ทำได้แค่พันกว่าภาพต่อวินาที
- รองรับการเชื่อมต่อ LTE ด้วยภาครับส่งสัญญาณแบบ 4×4 MIMO รองรับ 5CA และสามารถทำความเร็วได้ถึง 1.4 Gbps (LTE cat21) โดย Huawei ได้ทดสอบประสิทธิภาพและสถาณการณ์ใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะการอยู่ในตึก รถวิ่งเร็ว ๆ รถไฟความเร็วสูง หรือสภาพแวดล้อมที่ทำให้การจับสัญญาณไม่เสถียรได้ ซึ่ง Kirin 980 สามารถรับมือกับปัญหาพวกนี้ได้ทั้งหมด และทำได้ดีกว่าคู่แข่งอย่าง Snapdragon 845 อีกด้วย และยังพร้อมรองรับกับ 5G ในอนาคตที่จะมีอุปกรณ์ที่หลากหลายมากกว่านี้ นอกจากเครือข่าย LTE และ 5G แล้วเครือข่ายอื่น ๆ เช่น Wi-Fi ยังรองรับความเร็วสูงสุดที่ 1,732 Mbps ด้วยมาตรฐาน Wi-Fi AC with MIMO และภาครับ GPS ใช้ระบบ Dual Frequency (I5/I1) ซึ่งแม่นยำในเรื่องการระบุตำแหน่งมากขึ้น
เชื่อว่าเขียนมาดูไม่ออกแน่ๆ งั้นเรามาพบกันใน Huawei Mate 20 Series วันที่ 16 ตุลาคมนี้ ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ