ผลพลอยได้จากเทคโนโลยีของระบบแผนที่นำทาง Google Maps ที่มีข้อมูลความแม่นยำมากขึ้นอันเกิดจากการพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง ซึ่งทาง Google ได้นำข้อมูลเหล่านี้ไปประยุกต์ใช้งานสำหรับการค้นหาพิกัด ที่ผู้ใช้งานโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากหน่วยประสานงานสายด่วนฉุกเฉิน ทำให้เจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือได้อย่างแม่นยำฉับไว
โดยระบบดังกล่าวเรียกว่า Emergency Location Service (ELS) ที่ใช้งานระบบการระบุพิกัดที่ตั้งผ่านดาวเทียม GPS การอ้างอิงตำแหน่งจากเครือข่าย Wi-Fi และเสาโทรศัพท์ รวมไปถึงจากข้อมูลเซ็นเซอร์บนตัวเครื่อง ในการค้นหาพิกัดที่ตั้งของการโทรเข้าระบบ 911 ขอความช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งข้อมูลจาก Google ระบุว่าปัจจุบันการใช้งานสายด่วนฉุกเฉินในสหรัฐอเมริกา มาจากโทรศัพท์กว่า 80 เปอร์เซ็นต์
ล่าสุดทาง Google ได้ร่วมมือกับเครือข่ายโทรศัพท์สหรัฐ T-Mobile ในการเปิดตัวแฟลตฟอร์ม RapidSOS ซึ่งนำเอาข้อมูลบนพื้นฐานระบบ ELS ดังกล่าวเข้ามาใช้งานอย่างเต็มรูปแบบสหรัฐอเมริกา และอาจจะทำให้ความแม่นยำในการค้นหาต้นทางของสายโทรศัพท์ฉุกเฉินลดลงเหลือ 121 ฟุต จากปกติที่ระยะการค้นหาจะอยู่ที่ประมาณ 522 ฟุต อีกทั้งลดความผิดพลาดในการให้ข้อมูลสถานที่ผิด หรือผู้ขอความช่วยเหลือไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ดีทาง Google ยืนยันว่าสำหรับข้อมูลความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งาน จะถูกเข้าถึงได้เฉพาะหน่วยงานที่รับประสานงานสายด่วนฉุกเฉินเท่านั้น และข้อมูลการบันทึกสถานที่จะไม่สามารถเข้าถึงได้โดยพนักงานของ Google ปัจจุบันระบบ ELS ดังกล่าว ได้รับการติดตั้งพร้อมใช้งาน สำหรับสมาร์ทโฟนที่ทำงานตั้งแต่ระบบปฏิบัติการ Android 4.0 ขึ้นไป และระบบ ELS มีการเปิดให้บริการแล้วเป็นจำนวน 14 ประเทศ
