อาจจะถือได้ว่าต้นเดือนตุลาคม 2018 เป็นวิกฤติการณ์ย่อมๆ ของระบบโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ค ภายหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ Facebook ถูกโจมตีระบบและบัญชีผู้ใช้งานได้รับผลกระทบจากการถูกเจาะข้อมูลไปไม่น้อยกว่า 50 ล้านราย ล่าสุดก็ตามมาด้วยกระแสข่าวไม่สู้ดีของ Google+ บริการที่หมายมั่นว่าใช้แข่งขันกับ Facebook ในช่วงปี 2011 โดยระบุว่า Google เตรียมปิดให้บริการแก่ลูกค้าทั่วไปภายในเดือนสิงหาคมปีหน้า หรืออีกราว 10 เดือนถัดจากนี้ เนื่องจากพบช่องโหว่ อ้างอิงได้ว่าบุคคลที่สามสามารถเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานได้กว่า 5 แสนรายมาตั้งแต่ปี 2015
การเปิดเผยของ The Wallstreet Journal ระบุว่า ประเด็นความร้อนแรงดังกล่าวไม่ใช่แค่เพียงช่องโหว่ที่ข้อมูลผู้ใช้งานเบื้องต้นที่สามารถถูกเข้าถึงได้โดยกลุ่มบุคคลที่สาม แต่เป็นความนิ่งนอนใจของตัว Google เองที่ค้นพบและทราบเรื่องปัญหาดังกล่าวมาตั้งแต่เดือนมีนาคมของปีนี้ และกลับเลือกที่จะไม่ออกมาแถลงเปิดเผยต่อผู้ใช้งาน เนื่องจากบริษัทเกรงว่าจะโดนเพ่งเล็งตรวจสอบจากหน่วยงานงรัฐบาลต่างๆ ที่อาจจะตามมาเป็นพรวน ดังเช่นเรื่องคาราคาซังที่เกิดขึ้นกับ Facebook มาตลอดทั้งปี 2018
Ben Smith รองประธานฝ่ายวิศวกรรมของ Google ระบุว่าทีมที่ดูแลงาน Privacy and Data Protection ได้รับทราบถึงปัญหามาก่อนแล้ว โดยตรวจสอบจากข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่นชื่อผู้ใช้งาน ชื่ออีเมลล์ เพศ อาชีพ และอายุ หากว่าบริษัทจะระบุปัญหาซึ่งจะแจ้งเตือนไปยังผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบ หากว่ามีหลักฐานของการนำข้อมูลไปใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งไม่มีปัจจัยใดๆ เข้าเกณฑ์การประเมินดังกล่าว ที่ผ่านมาตัวบริการของ Google+ แทบจะไม่ค่อยมีอะไรให้พูดถึงมากนัก และเหตุการณ์ข้อมูลหลุดดังกล่าวนี้ ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยให้ความสำคัญต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงไปตรงมา
