ช่วงที่ผ่านมาของ Apple นั้นอาจจะต้องบอกว่าถูกค้าความให้ขึ้นโรงขึ้นศาลไม่เว้นแต่ละเดือน และคดีล่าสุดเปิดเผยผ่าน AppleInsider ระบุถึงการฟ้องร้องที่ถูกกล่าวหาว่า โทรศัพท์ที่ทำตลาดด้วยเทคโนโลยีกล้องเซ็นเซอร์คู่ตั้งแต่ iPhone 7 Plus เป็นต้นมานั้น อยู่บนพื้นฐานของการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาที่ยื่นจดทะเบียนเอาไว้โดย Yanbin Yu และ Zhongxuan Zhang ในปี 1999 ซึ่งสิทธิบัตรหมายเลข 6,611,289 ว่าด้วยกล้องระบบดิจิตอลที่ใช้งานระบบเซ็นเซอร์และชุดเลนส์หลายตัว ของทั้งบุคคลสองได้ผ่านการอนุมติถือครองในปี 2003
โดยมีสิทธิบัตรอย่างน้อย 5 ฉบับที่ว่าด้วยการออกแบบระบบเลนส์กล้องคู่ของเซ็นเซอร์ที่วางติดตั้งอยู่บนแผงวงจรแปลงข้อมูลอนาล็อกสู่ดิจิตอล ซึ่งเซ็นเซอร์ทำงานแยกจากกันแต่ส่งผ่านข้อมูลสู่ Image Signal Processor หนึ่งชุด เพื่อการประมวลผลภาพสีชุดแรก และใช้การบันทึกภาพขึ้นอีกชุดเพื่อเพิ่มคุณภาพโดยรวมให้กับภาพถ่ายในท้ายที่สุด การกล่าวอ้างดังกล่าวนี้ ครอบคลุมผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ iPhone 7 Plus / 8 Plus, iPhone X / XS และ XS Max ที่อยู่ในข่ายละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา
ทางด้านของ Apple ได้ยื่นจดทะเบียนสิทธิบัตรอุปกรณ์อิเลคทรอนิกส์และระบบกล้องเซ็นเซอร์คู่ในปี 2008 โดยได้รับเป็นสิทธิบัตรหมายเลข 8,115,825 เมื่อปี 2012 ถูกกล่าวหาว่ามีความคล้ายคลึงกับสิทธิบัตรต้นฉบับ ‘289 อย่างมาก โดยที่ทาง Apple ก็ทราบถึงประเด็นดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2011 ก่อนหน้านั้นแล้ว และมีเอกสาร 11 รายการที่ถูกปฏิเสธการขึ้นทะเบียนเป็นสิทธิบัตรหมายเลข ‘825 ภายหลังจากนั้นสามเดือนทางทนายที่ดูแลงานสิทธิบัตรของ Apple ได้ติดต่อกับผู้ตรวจสอบ USPTO และสามารถปรับปรุงเลี่ยงบาลี ทำให้สิทธิบัตรของตนเองจนดำเนินการขึ้นทะเบียนได้เป็นผลสำเร็จ
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านผู้ฟ้องร้องระบุว่า Apple ได้ลงทุนในการพัฒนาเทคโนโลยีระบบกล้องหลายเซ็นเซอร์มาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นการเข้าซื้อกิจการ Primesense บริษัทเทคโนโลยีอิสราเอลเมื่อปี 2013 หรือบริษัทกล้อง LinX Imaging เมื่อปี 2015 แต่ทาง Apple กลับเลือกที่จะไม่จ่ายเงินค่าเข้าใช้งานสิทธิบัตรหมายเลข ‘289 และเลือกที่จะทำตลาดสินค้าออกมาหลายต่อหลายรุ่น ทั้งที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยทาง Yu และ Zhang นั้นเรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายจากการละเมิดสิทธิบัตรโดยเฉพาะเจาะจง อันรวมไปถึงค่าจ้างทนายทั้งหมดด้วย