ช่วงที่ผ่านมาต้องบอกว่าบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกานั้น ค่อยข้างจะสะดุดขั้นบันไดในตลาดกลุ่มสหภาพยุโรปกันไปพอสมควร เริ่มมาตั้งแต่การถูกสั่งเรียกเก็บภาษีย้อนหลังของ Apple กว่า 1.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือทาง Google ที่โดนสั่งปรับเงินในข้อหามีพฤติกรรมพยายามกีดกันทางการค้า ด้วยการติดตั้งแอปพลิเคชั่น Play Store / Chrome / Search และอื่นๆ ในสังกัด Google Apps มาตั้งแต่โรงงาน
โดยทาง Apple ก็จัดการชำระเงินค่าภาษีย้อนหลังจากการจดทะเบียนบริษัทลูกในประเทศไอร์แลนด์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงเดือนกันยายนที่ผ่านมา และล่าสุดกับทาง Google ที่กำลังจะปรับเปลี่ยนนโยบาย ด้วยการเริ่มเรียกเก็บเงินค่าเข้าใช้งานแอปพลิเคชั่นในสังกัด Google Apps ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน สำหรับผู้ผลิตเครื่องที่ออกวางจำหน่ายสินค้าในกลุ่มเขตเศรษฐกิจยุโรป (European Economic Area / EEA)
ซึ่งทางคณะกรรมาธิการฝ่ายตรวจสอบของสหภาพยุโรปพบว่า Google ทำการจ่ายเงินให้กับผู้ผลิตโทรศัพท์และผู้ให้บริการเครือข่ายรายใหญ่ๆ หากว่าเลือกที่จะติดตั้งแอปพลิเคชั่นเครื่องมือค้นหา Google Search เอาไว้เพียงชนิดเดียวบนเครื่อง นอกจากนั้นแล้วยังมีการบังคับติดตั้งร้านค้า Play Store และอื่นๆ ที่ทำสัญญาบังคับผู้ผลิตโทรศัพท์เอาไว้ ก็ถูกนำขึ้นมาเป็นประเด็นต่อการพิจารณาบทลงโทษที่เกิดขึ้น
ด้านของ Hiroshi Lockheimer รองประธานอาวุโสฝ่าย Platform และ Ecosystems ของ Google ออกแถลงการณ์การว่า การส่งมอบประสบการณ์ใช้งาน Android นั้นเกิดขึ้นได้จากการติดตั้ง Google Search และ Play Store มาตั้งแต่โรงงานนั้น เป็นหนึ่งในช่องทางอุดหนุนการพัฒนา โดยเราจะปรับปรุงข้อตกลงในการเรียกเก็บเงินค่าเข้าใช้งานใหม่ตั้งแต่ 29 ตุลาคม สำหรับเครื่องสมาร์ทโฟนและแท๊บเลตที่วางจำหน่ายในกลุ่มตลาด EEA กระนั้นระบบปฏิบัติการ Android ยังคงฟรีและเป็นโอเพ่นซอร์สต่อไป
สำหรับหัวหน้าคณะกรรมาธิการฝ่ายตรวจสอบในครั้งนี้ Margrethe Vestager ระบุว่า Google ได้ใช้งานระบบปฏิบัติการ Android เป็นเครื่องมือหลักที่ปูทางสู่การผูกขาดตลาดในตลาดเครื่องมือค้นหาข้อมูล พฤติกรรมดังกล่าวเป็นการกีดกัดโอกาสต่อการแข่งขันและสร้างสรรค์นวัตกรรม Google ได้ปิดกั้นสิทธิประโยชน์ที่ลูกค้าในตลาดยุโรปที่จะได้รับจากการแข่งขันที่สำคัญในตลาดสมาร์ทโฟน ซึ่งผิดกฏหมายป้องกันการผูกขาดตลาดในกลุ่มสหภาพยุโรป