การต่อสู้กันในทางข้อกฏหมายระหว่าง Apple และ Qualcomm นั้นยังมีพัฒนาการที่เข้มข้นเกิดขึ้นอีกครั้ง ซึ่งทาง Apple นั้นถูกกล่าวหาจำกัดประสิทธิภาพการทำงานของชิปเซ็ตสัญญาณ 4G ในเครื่องตระกูล iPhone 7 ให้ด้อยลง ไม่แตกต่างไปจากเทคโนโลยีโมเด็มไร้สายของ Intel ที่ทาง Apple เพิ่มนำเข้ามาใช้งานเป็นครั้งแรก ในขณะที่ Qualcomm เองก็ตกเป็นผู้ต้องสงสัยถึงพฤติกรรมที่ทำการค้าผูกขาดและเรียกเก็บเงินสิทธิบัตรทางเทคโนโลยีอย่างไม่เป็นธรรม
ซึ่งในความเคลื่อนไหวเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา ทาง Qualcomm ได้เดินหน้ายื่นฟ้องร้องต่อหน่วยงานกำกับดูแลการค้านานาชาติ (U.S. International Trade Commission) พร้อมกล่าวหาต่อทาง Apple ว่ากระทำการละเมิดสิทธิบัตรทรัพย์สินทางปัญญาในถือครองของบริษัท ที่เป็นคุณสมบัติการใช้งานขั้นสูง เช่นเทคโนโลยี Carrier Aggregation, เทคโนโลยีการประมวลผลกราฟฟิค, เทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพสัญญาณ, เทคโนโลยีการบริหารจัดการแบตเตอรี่ ซึ่งสิทธิบัตรเหล่านี้ไม่รวมอยู่ในกลุ่มสิทธิบัตรเทคโนโลยีพื้นฐานทางโทรคมนาคม โดยการฟ้องร้องมีเป้าหมายโฟกัสอยู่ที่เครื่องโทรศัพท์ iPhone และ iPad ซึ่งใช้เทคโนโลยีโมเด็มจาก Intel เป็นสำคัญ
ในการฟ้องร้องต่อทาง ITC ดังกล่าวนี้ทาง Qualcomm ต้องการสั่งจำกัดกิจกรรมทางการตลาดของ Apple ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ละเมิดสิทธิบัตร ตั้งแต่การนำเข้าสต๊อกโกดัง การตลาดโฆษณา ไปจนถึงการจัดแสดงจัดจำหน่ายสินค้าในสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ Apple ได้ถูกกล่าวหาว่าใช้งานสิทธิบัตรเหล่านี้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อย่างไม่เป็นธรรมและไม่ถูกกฏหมาย ทำให้บริษัทต้องปกป้องทรัพย์สินทางปัญญาตามกระบวนการ การขยับตัวดังกล่าวนี้ของ Qualcomm เกิดขึ้นภายหลังจากที่แหล่งข่าวเปิดเผยว่า เครื่องโทรศัพท์ iPhone ในปี 2017 จะเลือกใช้งานเทคโนโลยีจาก Intel โดยเพิ่มขึ้นเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ จากเดิมที่ใช้อยู่แล้ว 30 เปอร์เซ็นต์
และในโอกาสเดียวกันนี้นอกจากการยื่นฟ้องร้องต่อ ITC ไปแล้วทาง Qualcomm ยังเปิดคดีความในศาลแคลิฟอร์เนียเขตใต้ เพื่อยื่นฟ้องร้องเรียกเงินค่าเสียหายจาก Apple ด้วยเช่นเดียวกัน