ในยุคสมัยหนึ่งชื่อของ Microsoft Internet Explorer นั้นคือเจ้าตลาดรายใหญ่ของผู้ให้บริการซอฟท์แวร์เว็บเบราเซอร์ ซึ่งผ่านร้อนผ่านหนาวต่อการท้าทายจาก Mozilla, Opera มาได้อย่างไม่สะทกสะท้านนัก แต่ความนิยมก็เริ่มเสื่อมถอยลงไปเมื่อการมาถึงของ Google Chrome ที่สามารถตอบสนองต่อการใช้งานของผู้บริโภคได้ดีขึ้นอยู่เป็นลำดับและต่อเนื่องได้ถูกเปิดตัวออกมาสู่ท้องตลาด
ทาง Microsoft เองก็พยายามผลักดันเว็บเบราเซอร์ตัวใหม่ที่มีลูกเล่นและความทันสมัยมากขึ้นอย่าง Edge ออกมาแข่งขันเมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การเปิดตัวของ Windows 10 แต่ก็น่าเสียดายที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จดังที่คาดหวังเอาไว้ โดยเฉพาะในส่วนของเอนจิ้น EdgeHTML ที่เป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนใช้งานนั้น ไม่สามารถพัฒนาได้ทันต่อการแข่งขันที่กับซอร์สโค้ด Chromium ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วก็เป็นทาง Microsoft ที่ตัดสินใจเลิกแผนการพัฒนาเว็บเบราเซอร์ของตนเอง และกำลังจะประกาศตัวเว็บเบราเซอร์ตัวใหม่ที่บริษัทพัฒนาขึ้นจากซอร์สโค้ด Chromium แทน
ปัญหาหลักๆ ที่ทำให้ทาง Microsoft ตัดสินใจเลิกแผนการพัฒนาเบราเซอร์ Edge มาจากความเข้ากันได้ในการแสดงผลหน้าเว็บ ซึ่งทางผู้พัฒนาเว็บมักจะใช้ค่าการอ้างอิงจากฝั่งของซอร์สโค้ด Chromium เป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นจากฟากฝั่งธุรกิจหรือการใช้งานของลูกค้าในตลาดคอนซูเมอร์ โดยในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมาความนิยมในการใช้งานของ Google Chrome นั้นได้ความนิยมอย่างแพร่หลายในแทบจะทุกๆ อุปกรณ์
โดยอาจจะต้องขอบคุณมาจากการความนิยมของระบบปฏิบัติการ Android ที่ทาง Google บังคับให้ผู้ผลิตติดตั้งเว็บเบราเซอร์เป็นส่วนหนึ่งในข้อตกลงสัญญาใช้งาน จนกระทั่งถูกเข้าตรวจสอบโดยคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป เมื่อไม่นานมานี้ ว่าด้วยพฤติกรรมที่ส่อไปในทางพยายามผูกขาดตลาดของ Google