เกิดความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจขึ้นในรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีระบุว่า California’s Public Utilities Commission ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลงานด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะต่างๆ เป็นต้นว่าระบบไฟฟ้า น้ำประปา คลื่นโทรศัพท์ หรือระบบขนส่งทางราง ได้ยื่นร่างข้อกฏหมายเข้าสู่การพิจารณา เพื่อการเรียกเก็บภาษีการใช้งานระบบส่งข้อความสั้น (SMS/MMS) โดยจะนำเงินไปช่วยอุดหนุนผู้มีรายได้น้อยตามกฏหมาย (Public Purpose Programs) ที่รัฐบาลกลางสหรัฐบังคับใช้ตั้งแต่ช่วงยุค 90s สำหรับการเรียกเก็บภาษีระบบสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าโทรศัพท์
โดยการเสนอร่างกฏหมายเรียกเก็บภาษี SMS/MMS ดังกล่าว เป็นผลมาจากอัตราการใช้งานระบบโทรศัพท์ที่ลดลงอย่างมีนัยยะจาก 1.65 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปี 2011 ลงมาเหลือเพียง 1.13 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2017 เรียกว่าลดลงไปกว่าหนึ่งในสาม ซึ่งสวนทางกับค่าใช้จ่ายเงินอุดหนุนของโครงการ PPP ที่เพิ่มขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ ทำให้หวยเลยมาออกที่การเรียกเก็บภาษี SMS/MMS ที่พึ่งพาการทำงานบนเทคโนโลยีโครงข่ายแบบเดียวกัน แต่บริการแชทข้อความอย่าง Whatsapp หรือ Apple iMessages เหล่านี้ไม่อยู่ในข่าย เพราะ เป็นการส่งข้อความในระบบอินเตอร์เนต ที่ได้รับการยกเว้นในฐานะ Information Services เช่นเดียวกับบริการอีเมลล์และเว็บไซต์
การโหวตเห็นชอบที่จำเป็นต่อการผ่านร่างกฏหมายเก็บภาษี SMS จะมีการพิจารณากันภายในช่วงวันที่ 10 มกราคม 2019 นำโดย FCC หน่วยงานกำกับดูแลงานโทรคมนาคม ซึ่งกำลังเผชิญหน้ากับแรงต่อต้านจากกลุ่มอุตสาหกรรมการค้า CTIA ในฐานะตัวแทนของผู้ให้บริการเครือข่าย AT&T, Sprint และ T-Mobile ที่แสดงความไม่ด้วยต่อการบังคับใช้กฏหมายดังกล่าวนี้ ระบุว่าเป็นการพิจารณาที่ไม่สมเหตุสมผล รวมไปถึงเป็นพฤติกรรมที่กีดกันการแข่งขันในตลาด อย่างไรก็ดี ร่างกฏหมายดังกล่าวอาจจะได้แรงหนุนบางส่วนว่า เป็นโอกาสดีในการลดข้อความสแปมขยะได้อย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดีในเบื้องต้นยังไม่มีการเปิดเผยว่า หากร่างกฏหมายเก็บภาษี SMS/MMS ผ่านการโหวตสนับสนุน ผู้ใช้งานจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตรามากน้อยเท่าไหร่ และใครระหว่างผู้ส่งหรือผู้รับที่จะต้องเป็นผู้จ่ายภาษี