การผลัดใบครั้งใหญ่ทางเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้บริบท 5G นั้นอาจจะกำลังถูกใช้เป็นตัวแทนหมากเกมส์ทางการเมืองไปอย่างช่วยไม่ได้ ภายหลังจากที่ทางสหรัฐอเมริกาประกาศออกคำสั่งจำกัดการใช้งานอุปกรณ์เครือข่าย 5G กับบรรดาผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในประเทศแล้ว บรรดามิตรประเทศเช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แคนาดา เยอรมนี ต่างออกมาขานรับคำสั่งลูกพี่ใหญ่เป็นทิวแถว
และตามมาด้วยประเทศญี่ปุ่น ที่ออกมาขานรับลูกเช่นเดียวกัน โดยอ้างอิงการเปิดเผยของหนังสือพิมพ์ Yomiuri ในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อ้างอิงว่ารัฐบาลญี่ปุ่นแสดงความเป็นกังวลว่าอาจจะถูกสอดแนมในด้านข้อมูลความมั่นคง หากมีการจัดซื้ออุปกรณ์เครือข่าย 5G จากผู้ผลิตรายสำคัญอย่าง Huawei หรือ ZTE เช่นเดียวกับต้องการลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีผ่านระบบไซเบอร์ ตามคำกล่าวอ้างเลื่อนลอยต่างๆ ที่มักจะถูกนำไปโยงใยว่ารัฐบาลจีนว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาในญี่ปุ่น Huawei นั้นถูกระบุว่าเป็นหนึ่งในซัพพลายเออร์ผู้ผลิตอุปกรณ์โครงข่าย ให้กับผู้ให้บริการเครือข่ายสองรายใหญ่ในญี่ปุ่นอย่าง NTT Docomo และ au KDDI อยู่เป็นลำดับ เช่นเดียว SoftBank ที่เป็นคู่ค้าในการทดสอบระบบเครือข่าย 5G อีกทั้ง Huawei ยังเป็นบริษัทเอกชนประเทศจีนรายแรกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมโต๊ะเจรจา Keidanren กลุ่มสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่นมาแล้ว ทางด้าน Yoshihide Suga โฆษกตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นได้ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นต่อเนื้อหาข่าวดังกล่าวนี้ เพียงแต่ระบุสั้นๆ ว่าญี่ปุ่นมีความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับทางสหรัฐอเมริกาในหลายๆ เรื่อง ซึ่งรวมไปถึงความมั่นคงทางระบบไซเบอร์ ที่ทุกวันนี้กลายเป็นปัจจัยสำคัญต่อประเทศมากขึ้น ทำให้ต้องดำเนินมาตรการที่หนักแน่นและพิจารณาความเป็นไปได้จากหลายๆ มุมมอง
ในขณะที่ Geng Shuang โฆษกตัวแทนรัฐบาลจีน ได้แถลงข่าวแสดงความเป็นกังวลต่อรายงานข่าวดังกล่าว ระบุว่าความสัมพันธ์อันดีในเชิงธุรกิจระหว่าง ญี่ปุ่นและจีน นั้นต่างสร้างผลประโยชน์ในเชิงบวกต่อทั้งสองประเทศ อีกทั้ง Huawei และ ZTE ก็ต่างเปิดตัวดำเนินธุรกิจในญี่ปุ่นอย่างถูกต้องตามกฏหมายมาเป็นระยะเวลานานแล้ว โดยทางจีนหวังว่าญี่ปุ่น จะสามารถสร้างสภาวะการแข่งขันในตลาดที่เป็นธรรม ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อความร่วมมือและความเข้าใจอันดีระหว่างกัน