ถ้าหากจะเรียกว่าเป็นการผนึกกำลังร่วมต้านก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะหัวหอกใหญ่ของวงการธุรกิจไอทีและคอมพิวเตอร์ในสหรัฐอเมริกาอย่าง Apple, Google, Microsoft, Facebook, Twitter, Snap และอื่นๆ ได้ร่วมมือกันจัดตั้งกลุ่ม Reform Government Surveillance ขึ้นมาเพื่อต้องการต่อต้านกฏหมาย ที่อาจจะนำไปสู่การบังคับใช้การสร้างช่องโหว่ในระบบเพื่อการเข้าถึงข้อมูลที่ได้รับการเข้ารหัส โดยล่าสุดกลุ่มดังกล่าวนี้ได้ออกมาประนามออสเตรเลีย ที่ประสบความสำเร็จการผ่านร่างกฏหมาย Assistance and Access Bill 2018 ในการพิจารณาของรัฐสภา
อ้างอิงจากการเปิดเผยของ TechCrunch ที่ระบุว่าในจดหมายประนามของกลุ่ม Reform Government Surveillance นั้นได้ต้องการกดดันให้รัฐบาลกรุงแคนเบอร์รา จัดการแก้ไขช่องโหว่ขนาดใหญ่ เมื่อเปิดวาระการประชุมในครั้งต่อไป โดยระบุว่ากฏหมาย ฉบับนี้มีความครอบคลุมกว้างเกินไป และขาดการร่วมออกความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญภายนอก ซึ่งการบังคับกฏหมายดังกล่าวจะเป็นภัยคุกคามต่อสิทธิมนุษยชน และสิทธิส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน และทำให้ระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์อยู่ในความอ่อนแอ
กฏหมาย Assistance and Access Bill 2018 จะเปิดทางให้ตำรวจและหน่วยงานข่าวกรองแดนจิงโจ้ สามารถยืมมือบริษัทเอกชนหรือเว็บไซต์ ที่เปิดตัวดำเนินการในประเทศ เข้ามาช่วยรัฐบาลในการเจาะระบบเข้ารหัส หรือการติดตั้งประตูลับภายใต้คำสั่งของรัฐบาล โดยการขอความช่วยเหลือเหล่านี้ เกือบจะทุกครั้งมักจะมาในรูปแบบคำสั่งที่ห้ามเปิดเผยข้อมูล และความช่วยเหลือใดๆ ที่เกิดขึ้นจะต้องดำเนินการโดยเป็นความลับ ส่วนบริษัทที่ปฏิเสธความร่วมมือ ก็อาจจะต้องถูกพิจารณาบทลงโทษค่าปรับราคาแพง
การผ่านร่างกฏหมายในครั้งนี้ของออสเตรเลีย ถูกกล่าวหาว่าใช้การกระตุ้นความกลัวเข้ามาเป็นแรงกดดัน โดย Christopher Pyne รัฐมนตรีกลาโหมของออสเตรเลีย ระบุว่าหากไม่มีการบังคับใช้กฏหมายนี้ ก็เหมือนจะเป็นการอนุญาตให้กลุ่มก่อการร้าย และกลุ่มรักเด็ก สามารถลอยนวลต่อการกระทำความผิดได้อยู่ต่อไป แต่ในขณะที่กลุ่มที่แสดงความไม่เห็นด้วยนั้น ต่างก็แสดงความเป็นกังวลว่า กฏหมายอาจจะถูกนำไปใช้งานในทางไม่ถูกไม่ควร
