หนึ่งในประเทศที่เป็นโต้โผผลักดันอุตสาหกรรมเกมส์และนวัตกรรมเทคโนโลยีของโลกอย่างญี่ปุ่น ได้เปิดเผยผลวิจัยเกี่ยวกับคุณภาพการมองเห็นของวัยรุ่นและเยาวชนในประเทศ พบว่าปีล่าสุดมีสัดส่วนกว่า 25 เปอร์เซ็นต์ ที่ไม่สามารถมองเห็นด้วยสายตาระยะปกติ (20/20 Vision) ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่มากที่สุด โดยรายงานสำรวจได้พุ่งเป้าหลักๆ มาที่พฤติกรรมการใช้งานสมาร์ทโฟน ซึ่งเกิดการจ้องหน้าจอเป็นต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ ว่าเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการสายตาสั้นในหมู่วัยรุ่นจำนวนมาก
งานวิจัยคุณภาพสายตาของเยาวชนญี่ปุ่นในครั้งนี้ จัดทำขึ้นโดยกระทรวงศึกษาธิการ วัฒนธรรม กีฬา วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (MEXT) ในช่วงระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายนของปี 2018 พบว่า 25.3 เปอร์เซ็นต์ จากจำนวนวัยรุ่นทั้งหมด 3.4 ล้านคน มีปัญหาในด้านสายตาการมองเห็น และหากเจาะลึกในระดับอายุกลุ่มเด็กชั้นประถมจะมีสัดส่วนอยู่ที่ 34.1 เปอร์เซ็นต์ และกลุ่มเด็กชั้นมัธยมปลายมีสัดส่วนอยู่ที่ 67.09 เปอร์เซ็นต์ ทั้งสองจัดเป็นเป็นสถิติใหม่ประจำปี ในขณะที่กลุ่มเด็กชั้นมัธยมต้นมีอาการสายตาสั้นกว่า 56.04 เปอร์เซ็นต์ ไม่มากกว่าการจัดทำผลสำรวจครั้งก่อนที่เคยเก็บข้อมูลเอาไว้ 56.33 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้เองก็ยังไม่มีงานวิจัยใดๆ ที่ชี้ชัดว่าการใช้เวลาหน้าจอเป็นเวลานานๆ จะเป็นสาเหตุที่นำไปสู่ปัญหาอาการเกี่ยวกับคุณภาพการมองเห็น แต่ก็มักจะมีคำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญมาอย่างต่อเนื่องระบุว่า แสงสีฟ้าที่เปล่งส่องสว่างหน้าจอนั้นเป็นตัวการที่ทำให้เกิดอาการสายตาล้า เคืองหรือปวดตาได้ และก็ไม่ใช่แค่ที่ญี่ปุ่นที่พบปัญหาดังกล่าว แต่เป็นตลาดสมาร์ทโฟนอันดับหนึ่งของโลกวันนี้อย่างประเทศจีน ที่ออกมาตรการกำกับดูแลเวลาในการเล่นเกมส์ และรวมไปถึงจำนวนของเกมส์ที่จะเปิดตัวใหม่อย่างเข้มงวดมากขึ้น ภายหลังจากที่รายงานของ World Health Organization ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่พบเด็กสายตาสั้นมากที่สุดในโลกเวลานี้