เสียงสะท้อนจากที่ทาง Apple ออกมาปรับลดแนวโน้มรายได้ของบริษัทในช่วงปลายปี 2018 Holiday Quarter กลายเป็นกระแสร้อนที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันในวงกว้าง โดยเฉพาะข้อกล่าวอ้างที่หยิบฉวยใช้กันอย่างแพร่หลายว่าโทรศัพท์ตระกูล iPhone X ทุกวันนี้แพงเกินจริง หรือ Apple กำลังหมดมุขและก้าวเข้าสู่วัฏจักรของบริษัทขาลง อย่างไรก็ดี Ethan Harris และ Aditya Bhave สองนักวิเคราะห์ตลาดจาก Bank of America Merrill Lynch เปิดเผยถึงทัศนะอีกแง่หนึ่งที่น่าสนใจ
โดยการวิเคราะห์จาก Bank of America Merrill Lynch ได้ระบุว่าหนึ่งในสาเหตุที่ยอดขายไม่ถึงเป้าในช่วงไตรมาสสำคัญของบริษัท อาจจะเป็นเพราะบริษัทผู้ผลิต iPhone อยู่ในตำบลกระสุนตกแบบเหมาะเจาะพอดี ซึ่งอาจจะเป็นการแสดงออกของลูกค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ ที่ใช้มาตรการประท้วงอย่างไม่เป็นทางการ ผ่านการหลีกเลี่ยงไม่ซื้อสินค้าที่เป็นหน้าเป็นตาของสหรัฐอเมริกา สืบเนื่องมาจากความตึงเครียดบนเวทีการเมืองโลกระหว่างสองชาติมหาอำนาจที่เกิดขึ้นมาตลอดทั้งปี 2018
ซึ่งแทนที่จะเลือกซื้อหาอัพเกรด iPhone รุ่นใหม่ ก็หันไปเทคะแนนให้กับ Xiaomi และ Samsung สองปรปักษ์ใหญ่แทน นอกจากแนวโน้มสาเหตุข้างต้นแล้ว ข้อมูลของนักเศรษฐศาสตร์ในผลวิจัยตลาดดังกล่าวนี้ ระบุว่าปัจจัยประกอบหลายๆ อย่างในอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟน และการแข่งขันระหว่างผู้ผลิต ที่ถูกมองว่ายกระดับใกล้เคียงกันมากขึ้น ก็เป็นปัจจัยร่วมที่ส่งให้ Apple ต้องปรับลดแนวโน้มรายได้ของบริษัท ในขณะที่ทาง Apple ชี้แจงว่าเป็นเพราะกำลังซื้อในตลาดแดนมังกรเกิดการการชะลอตัวขึ้นเร็วกว่าที่คาดหมาย
ผลกระทบจากความร้อนระอุบนเวทีการเมืองโลกระหว่างสองชาติมหาอำนาจ ได้ลุกลามมาเป็นการต่อสู้ในกลุ่มสินค้าเทคโนโลยีโดยเฉพาะตลาดสมาร์ทโฟนที่เปรียบเสมือนตัวแทนสองขั้วอำนาจ ซึ่งอ้างอิงการเก็บสำรวจข้อมูลโดย IDC ระบุว่า Apple สูญเสียตำแหน่งที่สองในแง่ของผู้ผลิตส่งมอบสมาร์ทโฟนสู่ท้องตลาดให้กับ Huawei ไปถึงสองไตรมาสระหว่างเดือนเมษายนถึงมิถุนายน และ กรกฏาคมถึงกันยายนติดต่อกัน
อย่างไรก็ดีนักวิเคราะห์จาก Bank of America ทั้งสองให้ทัศนะเสริมว่า นโยบายสงครามการค้าที่นำโดยสหรัฐ กระทำต่อทางจีนต้องการที่จะทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง แต่ผลกระทบก็จะทำให้สินค้าจำนวนมากของสหรัฐเองแข่งขันในตลาดได้ยากขึ้น และทำให้มูลค่าเงินดอลลาร์สหรัฐในตลาดต่างประเทศปรับตัวอ่อนค่าลง และยิ่งพยายามดำเนินมาตรการนี้ต่อไปจนถึงฤดูใบไม้ผลิจะยิ่งเกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ที่ต้องเจ็บตัวมากกว่าจีน
เนื่องจากนโยบายกำแพงภาษีได้สร้างผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อผู้บริโภคในสหรัฐ มาตรการทางการค้าของสหรัฐจะได้ผลในระยะสั้นที่ทำให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวเร็วกว่า แต่เมื่อฤดูใบไม้ผลิมาถึงกำลังซื้อในตลาดจีนจะเริ่มฟื้นตัวและกลายเป็นเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบมากกว่า นักวิเคราะห์ทั้งสองทิ้งท้ายด้วยว่าสุดท้ายแล้วไม่ว่าสงครามจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหนทุกคนทุกฝ่ายคือผู้พ่ายแพ้ด้วยกันทั้งสิ้น