ภายหลังจากที่ทาง Apple แถลงประกาศผลประกอบการในไตรมาสสำคัญส่งท้ายปลายปี 2018 ซึ่งผู้ผลิตโทรศัพท์ iPhone นับเป็นไตรมาสของปฏิทินการเงินบริษัทด้วยยอดขายรวม 8.43 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ โดยระบุสาเหตุที่ยอดขายไม่ถึงดวงดาว ว่าเป็นเพราะยอดขาย iPhone ที่ลดลง 15 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2017
ซึ่งก็เป็นไตรมาสแรก ด้วยเช่นกันที่ทาง Apple เลือกจะไม่เปิดเผยยอดขายหรือแม้แต่ยอดการผลิตส่งมอบเครื่องสู่ท้องตลาดอย่างเป็นทางการ ทำให้ต้องพึ่งพาข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ตลาดเป็นหลัก โดยนอกจาก IDC ที่เปิดเผยไปแล้วว่า Apple สามารถรั้งอันดับสองเหนือ Huawei ไปได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดทั้งรายไตรมาสและรายปี ทั้งการสำรวจข้อมูลรายสามเดือนและรายปี ก็มีอีกเจ้าอย่าง Strategic Analytics ที่เปิดแนวโน้มว่า ยอดการผลิตและส่งมอบโทรศัพท์ iPhone จะอยู่ในช่วง 65.9 ล้านเครื่อง เมื่อเปรียบเทียบกับปลายปี 2017 ที่มียอดขาย 77.3 ล้านเครื่อง ก็แทบจะพอดีช่องว่างที่หายไป 15%
โดยทาง Strategic Analytics ให้เหตุผลประกอบด้วยถึงสาเหตุที่ว่า iPhone ยอดขายตกมากในไตรมาสสำคัญครั้งนี้ เป็นเพราะ ราคาขายปลีกที่แพงขึ้น สถานการณ์ความเปลี่ยนแปลงในอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินต่างประเทศที่ผันผวน การแข่งขันจากคู่แข่งอย่าง Huawei ที่ท้าทายมากขึ้น เช่นเดียวกับเหตุผลในส่วนของโครงการเปลี่ยนแบตเตอรี่ราคาพิเศษก็สร้างผลกระทบ เองนั้นทำให้อัตราการเปลี่ยนซื้อเครื่องใหม่ลดลง การยกเลิกโปรโมชั่นอุดหนุนราคา (Carrier Subsidies) ในกลุ่มตลาดพัฒนาแล้ว และกำลังซื้อในกลุ่มตลาดประเทศเกิดขึ้นก็อยู่ในช่วงขาลง ซึ่งเข้ามาทั้งหมดพร้อมๆ กัน