นับตั้งแต่การเปิดฉากฟ้องร้องทางกฏหมายระหว่าง Apple และ Qualcomm ก็เป็นล่วงมาแล้วกว่าสองปี มีการฟ้องร้องเกิดขึ้นในหลายเมืองและประเทศ ซึ่้งคำตัดสินล่าสุดมาจากการไต่สวนคดีของศาลและคณะลูกขุนเมืองซานดีเอโก้ ซึ่งดำเนินการไต่สวนมาแล้วกว่าสองสัปดาห์ ภายหลังจากที่ยื่นฟ้องร้องเอาไว้เมื่อกรกฏาคม 2017 ได้ข้อสรุปโดยคณะลูกขุนมีมติให้ทาง Apple ต้องจ่ายเงินชดใช้เต็มจำนวนต่อทาง Qualcomm ด้วยมูลค่าความเสียหายเป็นวงเงิน 31 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อวันที่ 15 มีนาคม
Qualcomm ยื่นฟ้องร้องต่อทาง Apple ด้วยข้อกล่าวหาว่า ผู้ผลิต iPhone กระทำการละเมิดสิทธิบัตร 3 หัวข้อใหญ่ๆ ว่าด้วยคุณสมบัติการเชื่อมต่อสู่เครือข่ายอินเตอร์เนตอย่างรวดเร็วหลังจากเปิดเครื่อง การบริหารประสิทธิภาพแบตเตอรี่และระบบการประมวลผลกราฟิก และการบริหารจัดการระบบสื่อสาร ช่วยทำให้แอปพลิเคชั่นดาวน์โหลดข้อมูลใช้งานได้รวดเร็วขึ้น
อย่างไรก็ดีทาง Apple โต้แย้งโดยกล่าวอ้าง Arjuna Siva เป็นวิศวกรผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีบูตเครื่อง ในขณะที่ยังทำงานให้บริษัท แต่ดูเหมือนว่าวิศวกรผู้นี้ ซึ่งย้ายไปทำงานให้ Google ได้ปฏิเสธการขึ้นให้การ ทำให้คำร้องโต้แย้งดังกล่าวตกไปจากการพิจารณา นอกจากนั้นทาง Apple กล่าวอ้างด้วยว่า การฟ้องร้องดังกล่าวนี้ ตามข้อเท็จจริงแล้วเป็นการตอบโต้จาก Qualcomm ที่ทาง Apple เริ่มหันมาใช้บริการเทคโนโลยีโมเด็มจาก Intel เมื่อปี 2016 ภายหลังจากช่วงเวลาของการผูกขาดเทคโนโลยีโมเด็มอินเตอร์เนต 4G ในผลิตภัณฑ์ iPhone มาตั้งแตปี 2011
แถลงการณ์ของ Qualcomm โดย Doanld Rosenberg ระบุว่า คำตัดสินอย่างเป็นเอกฉันฑ์โดยคณะลูกขุน ถือเป็นชัยชนะครั้งล่าสุดของการบังคับใช้กฏหมายสิทธิบัตร และ Apple ซึ่งมีส่วนในการใช้เทคโนโลยีอันมีคุณค่าของเรา โดยไม่มีการจ่ายเงินอย่างถูกต้อง เทคโนโลยีที่พัฒนาโดย Qualcomm และอื่นๆ คือสิ่งที่ทำให้ Apple สามารถเข้ามาในตลาดสมาร์ทโฟนและประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว ในขณะแถลงการณ์ของ Apple แสดงถึงความผิดหวังต่อคำตัดสิน ระบุว่าแคมเปญฟ้องร้องในด้านสิทธิบัตรของ Qualcomm เหล่านี้ไม่ใช่อะไรอื่น นอกจากต้องการสร้างความสับสนต่อประเด็นการสืบสวนพฤติกรรมผูกขาดตลาด ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยหน่วยงานรัฐบาลทั่วโลก