เปรียบเสมือนศึกชิงดำกันในช่วงโค้งสุดท้ายว่าประเทศไหนและเครือข่ายรายใด จะเป็นผู้ให้บริการโครงข่ายสื่อสารโทรคมนาคมบนเทคโนโลยี 5G รายแรกของอุตสาหกรรม ซึ่งกลายทาง Verizon ผู้ให้บริการเครือข่ายอันดับหนึ่งในสหรัฐอเมริกา จัดการคว้าตำแหน่งดังกล่าวนี้ไปครองแบบสวยๆ ด้วยการปาดหน้าเค้กบรรดาผู้ให้บริการเกาหลีใต้ เปิดตัวบริการเครือข่าย 5G ไปอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2019 ตามเวลาท้องถิ่น โดยเป็นการเปิดล่วงหน้าจากกำหนดการเดิม 11 เมษายน ตามการรายงานข่าวจาก Nikkei
การให้บริการเครือข่าย 5G ของ Verizon ดังกล่าวนี้จะนำร่องในเขตเมืองของ Minneapolis และ Chicago ก่อนเป็นลำดับแรก และจะขยายเครือข่ายในอีก 30 เมืองต่อไปตลอดทั้งปีนี้ โดยมีสมาร์ทโฟน 5G เครื่องแรกของอุตสาหกรรมที่รองรับการใช้งานระบบเครือข่ายสื่อสารยุคใหม่ คือ Moto Z3 ที่ต้องทำงานร่วมกับ 5G Moto Mod โดยทาง Verizon กล่าวอ้างว่าเครือข่ายของพวกเขาสามารถทำความเร็วได้สูงสุด 1Gbps และมีค่าหน่วงเวลาน้อยกว่า 30 มิลลิวินาที สำหรับแพ็คเกจ 5G นั้นจะต้องสมัครท๊อปอัพเพิ่มในราคา 10 เหรียญสหรัฐต่อเดือน จากแพ็คเกจอันลิมิตปกติ
การขยับตัวของ Verizon ได้ดับฝันค่ายเครือข่ายเกาหลีใต้ ที่หมายมั่นจะเป็นผู้ให้บริการเครือข่าย 5G รายแรกของโลก โดยทางเครือข่าย KT, SK Telecom และ LG U+ นั้นกำลังจะตัดริบบิ้นเปิดตัวในช่วงวันศุกร์ที่ 5 เมษายนนี้ และเช่นเดียวกับ Samsung Galaxy S10 5G ก็อดตำแหน่งสมาร์ทโฟน 5G เครื่องแรกของโลกตามกันไปด้วย
สำหรับราคาค่าบริการเริ่มต้นในเกาหลีใต้ ทางด้านเครือข่าย KT มีการเปิดเผยว่าแพคเกจอันลิมิต Super Plan Basic ค่าบริการต่อเดือนจะตกเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 วอน Special 100,000 วอน และ Premium 130,000 แสนวอน โดยแตกต่างกันที่ข้อจำกัดความเร็วในการโรมมิ่ง และมีแพคเกจ 5G Slim ที่ราคา 55,000 วอน สามารถใช้ได้ 8GB ก่อนถูกจำกัดความเร็ว ด้านแพคเกจของ SK Telecom ราคาไม่แตกต่างกัน โดยมีโควต้าใช้งานอินเตอร์เนตให้ 8GB / 150GB / 200GB และ 300GB ด้านของ LG U+ จะมีแพ็คเกจ 9GB / 150GB และ 250GB เมื่อใช้ครบโควต้าจะถูกจำกัดความเร็ว
การบริการเครือข่าย 5G ในเกาหลีใต้ เมื่อทำงานกับ Galaxy S10 5G นั้นจะรองรับการทำความเร็วได้สูงสุด 2.7Gbps โดยการดาวน์โหลดข้อมูลร่วมทั้ง 4G/5G และด้วยระดับความเร็วในการส่งผ่านข้อมูลดังกล่าว ผู้ใช้งานสามารถเผาแพคเกจ 8GB ซึ่งเป็นโควต้าใช้งานตลอดทั้งเดือนได้ภายใน 25 วินาที ในส่วนของแพคเกจ 300GB จะเผาได้หมดภายใน 15 นาที โดยผู้ให้บริการอ้างอิงว่าความเร็วเฉลี่ยในการใช้งานจะดีกว่า 4G LTE อยู่ประมาณ 20 เท่าตัว