ส่อแววที่ Apple จะเจองานเข้าอีกระลอก ภายหลังจากที่ทาง Qualcomm ชนะการยื่นฟ้องร้องในคดีความละเมิดสิทธิบัตรในประเทศเยอรมนี เมื่อเดือนมกราคม 2019 จนทำให้ Apple ต้องแก้ลำนำด้วยการเครื่อง iPhone 8 / 8 Plus รุ่นโมเด็ม Qualcomm กลับเข้าไปขายในเมืองเบียร์เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา
และความเคลื่อนไหวล่าสุดส่งท้ายไตรมาสแรกของปีนี้ ก็มีการประกาศคำตัดสินในเบื้องต้นของคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (US International Trade Commission) ออกมา โดยระบุว่า Apple รอดตัวในการฟ้องร้องหนึ่งคดี และอีกหนึ่งคดีนั้นพบว่ามีเกณฑ์ที่อาจจะอยู่ในข่ายการละเมิดสิทธิบัตรของ Qualcomm และคำวินิจฉัยของผู้พิพากษา MaryJoan McNamara ได้ระบุว่า อาจจะแนะนำให้สั่งจำกัดการจัดจำหน่ายของโทรศัพท์ iPhone บางรุ่นที่ใช้โมเด็ม Intel ในสหรัฐ
โดยสิทธิบัตรที่เป็นปัญหาและถูกกล่าวอ้างว่า Apple ได้กระทำการละเมิดสิทธิบัตร คือ US Patent No. 8,063,674 ซึ่งขึ้นทะเบียนคุ้มครองในระบบกลไกการบริหารจัดการพลังงานอีกหนึ่งฉบับ ไม่ใช่สิทธิบัตรระบบ Envelope Tracking ที่มีฟ้องร้องในเยอรมนีไปก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ดีคำตัดสินชี้ขาดโดย US ITC จะได้ข้อสรุปอย่างเป็นทางการในช่วงวันที่ 26 กรกฏาคม และส่งมอบคำตัดสินให้กับประธานาธิบดี Donald Trump ต่อไป
การฟ้องร้องครั้งนี้ค่อนข้างมีน้ำหนักความสำคัญ เพราะไปเกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาที่ทาง Apple ระบุว่า Qualcomm มีพฤติกรรมเรียกเก็บเงินค่าเข้าใช้งานสิทธิบัตรอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งโดยปกติแล้วทาง Qualcomm จะเรียกเงินค่าสิทธิบัตรจากทุกอุปกรณ์ที่ใช้งาน และรวมไปถึงเครื่องที่ไม่ได้ใช้งานชิปเซ็ต Qualcomm แต่สิทธิบัตรครอบคลุมในเทคโนโลยีลักษณะเดียวกัน ซึ่งสามารถทำได้ภายใต้กฎหมายสิทธิบัตร FRAND ที่จะเก็บเงินค่าเข้าใช้งานอย่างเหมาะสม กระนั้น Apple มีความเห็นว่ามีการเก็บเงินแพงเกินจริง และหยุดจ่ายเงินเหล่านี้จนกว่าจะได้ข้อสรุปตามกระบวนการทางกฎหมาย
อนึ่งคำร้องเรียนต่อคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา (US ITC) ในเบื้องต้นของ Qualcomm ในช่วงแรกนั้นระบุการฟ้องร้องเพียงแค่รุ่น iPhone 7 / 7 Plus แต่ต่อมาได้เพิ่มการครอบคลุมมาจนถึงตระกูล iPhone XS ในภายหลัง