Bloomberg เปิดเผยรายงานเบื้องหลังดีลช็อควงการเกมที่เกิดขึ้นระหว่าง Sony และ Microsoft ต่ออนาคตของการสตรีมเกม ว่าแผนการทั้งหมดนี้ เกิดขึ้นจากความล้มเหลวในการเจรจาธุรกิจระหว่าง Sony และ Amazon
เบื้องหลังของดีลครั้งประวัติศาสตร์นี้ เดิมทีเป็นแผนแก้เกมของบริการ PlayStation Now (ที่ Sony ไปซื้อ Gaikai มาก่อนที่จะเปิดตัว PS4) ซึ่งอยู่ในสถานะที่ไม่ค่อยจะสู้ดีเท่าไหร่นัก เพราะนอกจากตัวบริการที่ไม่ค่อยจะประสบความสำเร็จอยู่แล้ว Sony ยังอ่อนประสบการณ์เรื่องการตั้ง Data Center แข่งกับผู้ให้บริการข้อมูลรายใหญ่ของโลก (Amazon, Microsoft, Google) เสียด้วย ดังนั้น Sony จึงต้องมุ่งไปตัวเลือกที่สาม คือการนำ PlayStation Now และบริการ Streaming อื่น ๆ ของบริษัทฯ ขึ้นไปโฮสต์อยู่บน Cloud Services ของเจ้าอื่นแทน
ก่อนหน้าที่จะเกิดดีลประวัติศาสตร์ Sony ได้ใช้เวลาเจรจากับฝั่ง Amazon อยู่นานมาก เพราะเดิมที Sony ใช้ AWS เป็นโฮสต์หลักของบริการ PlayStation Network อยู่แล้ว แต่สุดท้ายการเจรจากับ Amazon ก็ไม่ประสบความสำเร็จ การเจรจากับฝั่ง Microsoft ที่เป็นคู่แข่งตลอดกาลในวงการเกม เพื่อขอใช้บริการ Microsoft Azure มาโฮสต์บริการเหล่านี้ทั้งหมด จึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2018 ที่ผ่านมาด้วยฝีมือของบริษัทแม่อย่าง Sony Corporation
และเป็นที่แน่นอนว่า ถ้าเรื่องนี้หลุดไปถึงหูของ Sony Interactive Entertainment ที่เป็นฝ่ายของ PlayStation โดยตรง รวมถึงฝ่ายของ Xbox ที่อยู่ใน Microsoft ด้วยนั้น คงไม่มีใครในทีมยอมให้มันเกิดขึ้นเป็นแน่แท้ ฉะนั้นแล้วการเจรจาระหว่าง Sony และ Microsoft จึงเดินเรื่องไปแบบลับ ๆ เฉพาะภายในฝ่ายบริหารระดับสูง (High-level) เท่านั้น จนกระทั่งถึงวันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ ทีมงานของทั้ง PlayStation และ Xbox จึงทราบเรื่องว่ามีดีลนี้เกิดขึ้น
ผลที่ตามมาก็เป็นอย่างที่คาดกันไว้ เพราะ Bloomberg ยังระบุอีกว่าพนักงานฝั่ง SIE แทบทั้งหมดคัดค้านการเซ็นสัญญาในดีลนี้อย่างหนัก เพราะเกรงว่าดีลนี้จะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเครื่อง PlayStation Next ที่อาจจะหลุดไปอยู่ในมือของ Microsoft ได้ แต่สุดท้ายทั้งสองฝ่ายก็ลงเอยด้วยดี หลังผู้บริหารใหญ่ของ Sony Corporation เข้ามายืนกรานเองว่า ดีลนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อแผนการพัฒนาเครื่องอย่างแน่นอน และดีลนี้ยังดีเสียอีก เพราะจะทำให้ภาพของบริการ Streaming ที่ Sony จะพัฒนาต่อไปนั้นชัดเจนมากขึ้น
ที่น่าสนใจคือฝั่ง Nintendo เองก็เห็นดีเห็นงามไปกับดีลนี้ด้วย เพราะดีลนี้จะทำให้ภาพของบริการ Game Streaming ที่จะเป็นหัวหอกที่สำคัญในคอนโซลยุคถัดไปนั้นชัดเจนมากยิ่งขึ้น และทาง Nintendo เองก็สนใจที่จะเข้าร่วมพัฒนาบริการสตรีมมิ่งกับทั้งสองบริษัทฯ รวมถึงย้ายบริการ Nintendo Online ของตัวเองขึ้นไปอยู่บน Microsoft Azure เช่นกัน ถ้าทั้งสองฝ่ายยินยอม