ย้อนกลับไปเมื่อสักปี 2015 ค่ายรถสปอร์ตจากเยอรมันอย่าง Porsche ประกาศโครงการพัฒนารถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือรถ EV สำหรับขับขี่แบบสปอร์ตโดยเฉพาะในชื่อ “Mission E” ผ่านไป 4 ปี วันนี้ Porsche ทำสำเร็จแล้ว กับรถยนต์ EV สายสปอร์ตตัวแรกของบริษัทกับ “Porsche Taycan” (อ่านว่า “ไทคานน์”) ที่ทาง Porsche การันตีตั้งแต่เริ่มเลยว่า นี่คือความสำเร็จครั้งใหญ่ในรอบ 70 ปีของบริษัท ที่สามารถนำประวัติศาสตร์ผสมผสานเข้ากับเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว

Porsche Taycan ที่เปิดตัวในรอบนี้จะมีโมเดลย่อยทั้งหมดสองรุ่น คือ Taycan Turbo S ที่เป็นตัวท็อป และ Taycan Turbo ที่เป็นตัวรองลงมา โดยแต่ละตัวมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
- Taycan Turbo S มีกำลังมอเตอร์ที่ 560 กิโลวัตต์ (เทียบเท่ากำลังแรงม้าที่ 761 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดขณะใช้ Launch Mode อยู่ที่ 1,050 นิวตันเมตร เร่งเครื่องจาก 0-100 ใน 2.8 วินาที 0-200 ใน 9.8 วินาที และขับขี่ได้ไกล 412 กิโลเมตร ต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (วัตตามมาตรฐาน WLTP: Worldwide Harmonised Light Vehicle Test Procedure)
- Taycan Turbo มีกำลังมอเตอร์ที่ 500 กิโลวัตต์ (เทียบเท่ากำลังแรงม้าที่ 625 แรงม้า) แรงบิดสูงสุดขณะใช้ Launch Mode อยู่ที่ 850 นิวตันเมตร เร่งเครื่องจาก 0-100 ใน 3.2 วินาที 0-200 ใน 10.2 วินาที และขับขี่ได้ไกล 450 กิโลเมตร ต่อการ์ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง (วัตตามมาตรฐาน WLTP)
นอกจากอัตราเร่ง กำลังมอเตอร์ และระยะทางในการขับขี่ที่แตกต่างกันนั้น Porsche Taycan มีสิ่งที่เหมือนกันอยู่หลายประการด้วยกัน อาทิ มีอัตราเร่งสูงสุดที่ 260 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้มอเตอร์ 2 ตัว ขับเคลื่อนแบบสี่ล้อที่กำลังไฟ 800 วัตต์ นับเป็นสองเท่าของรถ EV โดยทั่วไป (ที่ใช้กำลังไฟเพียง 400 วัตต์) แบตเตอรี่ขนาด 93.4 kWh มีระบบ Quick Charge ด้วยชุดชาร์จไฟกำลัง 50 กิโลวัตต์แบบกระแสตรง เมื่อชาร์จเพียง 5 นาที สามารถขับขี่ได้ไกล 100 กิโลเมตร และใช้เวลาชาร์จตั้งแต่ 5 – 80% ด้วยเวลาเพียง 22 นาที 5 วินาทีเท่านั้น โดยตัวรถรองรับการชาร์จไฟผ่านระบบไฟฟ้าทั้งกระแสตรง และกระแสสลับ และการขับขี่ที่ยอดเยี่ยม ด้วยศูนย์ถ่วงที่ต่ำกว่า 911 รวมถึงทำเวลาใน Nurburgring ที่ 7 นาที 42 วินาที ถือเป็นรถยนต์ไฟฟ้าสี่ประตู ที่ทำเวลาในสนามนี้ได้เร็วที่สุดในโลก เทียบเท่ารุ่นพี่อย่าง Cayman GT4 และ 911 GT3 บอดี้ 977

อีกจุดเด่นที่มากับ Porsche Taycan คือนี่เป็นครั้งแรกของรถยนต์ EV ที่ให้เกียร์สองระดับ (จากเดิมที่รถยนต์ EV โดยทั่วไป และรถไฮบริด จะให้เกียร์แค่ระดับเดียว เพราะมอเตอร์สามารถให้กำลังได้อย่างต่อเนื่อง) โดย Porsche เรียกระบบเกียร์แบบนี้ว่าเป็น “2-Speed Transmission” ซึ่งระดับ 1 จะเป็นโหมดสำหรับใช้ออกตัวให้ได้แรงมากที่สุด และขับขี่โดยใช้ความเร็วทั่ว ๆ ไป ส่วนระดับ 2 จะเป็นโหมดขับขี่แบบสปอร์ตที่จะใช้สมรรถนะของรถแบบเต็มกำลัง ให้อัตราเร่งสูงสุด และความเร็วสูงสุดในการขับขี่ไปพร้อม ๆ กัน และตัวรถเองยังมาพร้อมระบบการขับขี่ 5 โหมด คือ Range, Normal, Sport, Sport Plus หรือถ้าอยากปรับแต่งรถยนต์ด้วยตัวเอง ตัวรถยังมาพร้อมกับโหมด “Individual” ที่เปิดให้ผู้ใช้สามารถปรับแต่งรถยนต์ได้อย่างอิสระ

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของรถ EV โดย Porsche เพียงเท่านั้น โดย Porsche ให้สัญญาว่าในอนาคตจะออกรุ่นย่อยของ Taycan มาเพิ่มเติมอีก ทั้งรุ่นลดสเปคมอเตอร์เพื่อให้ขายได้ในราคาถูกลง และรุ่นสปอร์ตที่ใช้มอเตอร์กำลังสูง เอาใจผู้ขับขี่ที่ชื่นชอบความเร็วมากเป็นพิเศษ โดยจะเริ่มจากการออกรุ่น Taycan Cross Turismo ในช่วงปลายปีหน้าเป็นตัวแรก นอกจากนี้ Porsche ยังได้เผยอีกว่า บริษัทได้เตรียมงบลงทุนในโครงการนี้อีกกว่า 6 พันล้านยูโรภายในปี 2022 เพื่อพัฒนารถ EV ประสิทธิภาพสูง ให้ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าได้กว้างมากขึ้นในอนาคตต่อไป
สำหรับราคาและกำหนดการวางจำหน่าย ขึ้นอยู่กับตลาดของประเทศนั้น ๆ แต่สำหรับประเทศต้นกำเนิดอย่างเยอรมนี Porsche Taycan มีค่าตัวอยู่ที่ 153,136 ยูโร (5.16 ล้านบาท) สำหรับรุ่น Turbo และ 185,456 ยูโร (6.26 ล้านบาท) สำหรับรุ่น Turbo S โดยในเชิงการตลาด Porsche Taycan มีตำแหน่งต่ำกว่า Panamera เพราะมิติรถยนต์โดยรวมมีขนาดเล็กกว่า Panamera 4S ที่วางจำหน่ายในหลาย ๆ ประเทศ สำหรับประเทศไทย คาดว่าทาง AAS Auto Service ผู้ถือสิทธิ์การนำเข้าและจำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในไทย น่าจะได้ Porshce Taycan มาขายด้วยแน่นอน