ไม่ปล่อยให้รอกันนานจริง ๆ เพราะเมื่อเร็ว ๆ นี้ Microsoft ได้ใช้เวทีงาน The Game Awards 2019 แอบเซอร์ไพรส์เกมเมอร์ทั่วโลกกับการเปิดตัวคอนโซลรุ่นใหม่ล่าสุดสำหรับยุคหน้าอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว กับ XBOX Series X โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางในการเล่นเกมและสานต่อความฝันสู่การเป็นคอนโซลสำหรับเกมเมอร์ทุก ๆ คน
XBOX Series X หรือชื่อในระหว่างการพัฒนาที่เราคุ้น ๆ กันว่า “Project Scarlet” เป็นคอนโซลที่มีประสิทธิภาพก้าวกระโดดจาก XBOX One X ขึ้นมาถึง 4 เท่า ด้วยการใช้ชิป APU รุ่นใหม่ล่าสุดจากคู่ขาเก่าอย่าง AMD กับ Ryzen Zen 2 และ Radeon RDNA ทั้งคู่ผลิตที่ระดับ 7nm เท่ากับ Ryzen Gen 3 และ Radeon RX 5xxx ที่วางขายในปัจจุบัน โดยที่ชิป APU ตัวนี้ จะทำให้ XBOX Series X สามารถให้ความละเอียดภาพระดับ 4K ได้ลื่นไหลถึง 120 เฟรมต่อวินาที ด้วย Variable Refresh Rate และ AMD FreeSync รวมถึงรองรับภาพความละเอียดสูงสุดได้ถึงระดับ 8K และใช้ SSD แบบ M.2 ซึ่งทั้งหมดจะทำให้ประสบการณ์ภาพ เสียง และประสิทธิภาพของเครื่องเติบโตแบบก้าวกระโดด และด้วยเทคโนโลยี Variable Rate Shading จากสิทธิบัตรของ Microsoft เอง รวมถึง Auto Low Latency Mode และ Dynamic Latency Input ฟีเจอร์ทั้งหมดของ XBOX Series X ตัวนี้ จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถดึงประสิทธิภาพของ APU และ SSD ของเครื่องออกมาได้มากที่สุด โหลดเกมได้เร็วแบบสุด ๆ และให้ประสิทธิภาพในการตอบสนองได้ดีที่สุดเท่าที่ Microsoft ออกเครื่องคอนโซลมากว่า 18 ปี
ด้านดีไซน์ ตัวเครื่อง XBOX Series X มาในรูปทรงแบบสี่เหลี่ยมผืนผ้าดำทะมึนแบบมินิมอล ออกแบบให้สามารถวางเครื่องได้ทั้งแบบแนวตั้งและแนวนอนโดยไม่รบกวนสายตาขณะใช้งาน แม้จะมีขนาดใหญ่กว่า XBOX One เดิมถึงสามเท่า และมีพัดลมระบายความร้อนขนาดใหญ่เพื่อเร่งการระบายความร้อนสะสมออกจากตัวเครื่องให้เร็วที่สุด ทั้งหมดเป็นการตอกย้ำแนวคิดว่า XBOX ควรเป็นแค่ Gaming Console เท่านั้น ไม่ควรเป็นอย่างอื่นเหมือนสมัยที่ XBOX One ทำไว้
และสำหรับจอย XBOX Wireless Controller ในรอบนี้ Microsoft ได้ออกแบบให้จอยของ XBOX Series X มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม (ของ XBOX One) ถึง 10% เพื่อให้สอดรับการสรีระของมือที่มีความหลากหลายได้อย่างแนบนวลมากขึ้น รวมถึงยังมีปุ่ม Share ตามคำเรียกร้องของเหล่าเกมเมอร์ เพื่อการแชร์ภาพในเกมออกไป Social Network ได้อย่างรวดเร็วที่สุด และยังมี Hybrid D-Pad ที่ได้แรงบันดาลใจจาก XBOX Elite Wireless Controler เพื่อให้การควบคุมเกมสามารถทำได้หลากหลายมากขึ้น ไม่จำกัดเหมือนแต่ก่อน
ด้านซอฟต์แวร์ของเครื่อง ก็ยังเป็นที่แน่นอนว่าระบบปฏิบัติการหลักของ XBOX Series X จะยังคงใช้ Windows 10 เป็นหลัก ควบคู่กับ XBOX OS เวอร์ชันใหม่ที่สามารถรีดประสิทธิภาพเครื่องออกมาได้มากกว่าเก่า การใช้ Windows 10 + XBOX OS และสถาปัตยกรรมแบบ x86-64 นั่นหมายความว่า XBOX Series X ล้วนรองรับซอฟต์แวร์เกมย้อนหลัง “ไปจนถึง XBOX รุ่นแรก” กว่า 400,000 เกม ซึ่งเกมเมอร์ที่มีแผ่นเกมเหล่านั้น สามารถนำมาเล่นบน XBOX Series X ได้เลย หรือจะเล่นผ่าน XBOX Game Pass ที่เป็นบริการบอกรับสมาชิกของ XBOX และ Windows 10 ก็สามารถทำได้ทันทีโดยไม่ต้องปรับตัวอะไรมากมายนัก และในส่วนของอุปกรณ์เสริมของ XBOX One ทั้งหมด เช่น Kinect 2, กล้อง Skype, หรือตัวรับสัญญาณทีวีดิจิทัล ก็สามารถนำมาใช้บน XBOX Series X ได้ทันที โดยไม่ต้องซื้อใหม่ทั้งหมด
XBOX Series X จะเริ่มวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการในช่วงหยุดยาวปีหน้า (ปลายปีหน้า…) เลย ซึ่งจะมีเกม Senua’s Saga: Hellblade II ภาคต่อของเกมรางวัลอย่าง Hellblade: Senua’s Sacrifice เป็นเกมเปิดตัวเครื่อง