เปิดปี 2020 มาไม่กี่วัน ตลาดเน็ตบ้านลุกเป็นไฟอีกแล้ว เมื่อ AIS ประกาศปรับแพ็คเกจ Super Mesh Wi-Fi ของ AIS Fibre ชนิดลอกคราบใหม่หมดจด แถมชูจุดเด่นใหม่ “ไม่ว่าลูกค้าอยู่ส่วนใดของบ้าน ต้องใช้งานได้เต็มสปีด”
การปรับแพ็คเกจ Super Mesh Wi-Fi รอบนี้ หลัก ๆ เป็นการปรับอุปกรณ์เพื่อตอบสนองลูกค้าในกลุ่ม Power-user หรือ Heavy-user ที่ต้องการความแรงเป็นหลัก อารมณ์ประมาณว่าฉันต้องการ 1 Gbps ก็ต้องได้ 1 Gbps เท่านั้นอะไรประมาณนี้ ก่อนหน้านี้ แพ็คเกจนี้ให้อุปกรณ์เป็น Nokia Beacon 1 จำนวน 3 ตัว แต่ก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการนี้ได้ดีพอ ประกอบกับปัญหาหลักของเทคโนโลยี Mesh Wi-Fi คือจำนวนยิ่งมาก ความเร็วยิ่งตก สิ่งที่ AIS Fibre ทำ ก็คือการสำรวจตลาดอุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมดทั่วโลก เพื่อหาอุปกรณ์ที่สามารถตอบสนองความต้องของ AIS ในสองข้อหลัก ๆ คือ ความเร็วต้องมากกว่าเดิม 3 เท่าเป็นอย่างต่ำ และรองรับอุปกรณ์ไม่ใช่แค่คอมพิวเตอร์หรือมือถือ แต่ต้องเหมารวมถึงทีวี 4K อุปกรณ์ IoT กล้องวงจรปิด อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย และเครื่อง AR/VR ได้อย่างครบครัน
ด้วยเหตุผลข้างต้นนี้ AIS จึงเลือกไปจับมือกับ Huawei เพื่อนำเอาเราท์เตอร์ชื่อก้องของ AIS Fibre ยุคแรกอย่าง HG8245W5 มาปรับปรุงระบบการทำงานและซอฟต์แวร์ภายในใหม่ทั้งหมด แล้วจึงสั่งตัดพิเศษกลับออกมาเป็นผลลัพธ์คือรุ่น HG8245W5-AIS ที่ถูกออกแบบมาใช้งานเฉพาะภายใน AIS Fibre เท่านั้น
ฟีเจอร์หลักของ HG8245W5-AIS ที่สั่งตัดพิเศษมีดังนี้
- ทำความเร็ว (บน Wi-Fi) ได้สูงสุดถึง 1 Gbps ที่เราท์เตอร์ตัวหลัก และสูงสุด 300 Mbps ที่เราท์เตอร์ตัวลูก ด้วยเทคโนโลยีการส่งแบบ 4×4 MIMO และการรองรับการใช้งานร่วมกับคลื่นกว้าง 160 MHz
- สามารถเชื่อมต่อตัวลูกได้สูงสุดถึง 8 ตัวในเครือข่ายเดียว
- ประหยัดพลังงานกว่าเราท์เตอร์รุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาดถึง 30% ในขณะที่ส่งสัญญาณเต็มกำลังตามข้ออนุญาตของ กสทช.
ทั้งหมดนี้จะช่วยให้ Super Mesh Wi-Fi สามารถตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่ม Power-user หรือ Heavy-user ได้ดีมากขึ้น และสอดคล้องกับแนวคิดหลักของ AIS Fibre นั่นคือ เร็วกว่า ดีกว่า และง่ายกว่า โดย “เร็วกว่า” คือลูกค้าใช้งานได้เต็มสปีด 1 Gbps ไม่ว่าจะเชื่อมต่อด้วยรูปแบบใดก็ตาม “ดีกว่า” ด้วยเราท์เตอร์คุณภาพสูง สามารถเชื่อมต่อได้สูงสุดถึง 8 ตัว ในขณะที่กินไฟน้อยลงกว่ารุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาดถึง 30% พร้อมด้วยฟีเจอร์พื้นฐานและบริการเสริมจาก AIS Fibre ไม่ว่าจะเป็น Speed Toggle ที่สามารถปรับความเร็วการใช้งานได้อย่างอิสระ, บริการตรวจสอบคุณภาพสัญญาณอินเทอร์เน็ตตลอด 24 ชั่วโมง และบริการหลังการขายผ่าน AIS Line Official Account และ AIS Call Center 1175 และ “ง่ายกว่า” ด้วยการส่ง AIS Fibre Guru ควบคุมงานติดตั้งและอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เพื่อให้มั่นใจได้ว่าลูกค้าสามารถใช้งานได้เต็มที่ เต็มสปีดตั้งแต่วันแรกที่ติดตั้ง
อย่างไรก็ตาม ความเร็ว 1 Gbps บน Wi-Fi มีข้อจำกัดด้านอุปกรณ์การใช้งาน โดยอุปกรณ์ที่รองรับจะมีดังต่อไปนี้
- คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คที่ใช้ชิปเน็ตเวิร์คเป็น Intel AC9650 (เช่น Huawei Matebook 14, Huawei Matebook X Pro, Dell G7, Acer Travelmate 14, Alienware M15 R2) หรือ Intel AX210 หรือโน้ตบุ๊คที่ใช้ชิป Intel Core Gen 10 (เช่น Acer Swift 3, Acer Swift 5, Acer Swift 7)
- สมาร์ทโฟน Huawei หรือ Honor ที่ใช้ชิป Kirin 980 และ Kirin 990 (เช่น Huawei Mate 20, Huawei Mate 20 Pro, Huawei Mate 20 X, Huawei P30, Huawei P30 Pro, Huawei Mate 30 Pro)
นอกเหนือจากสองเงื่อนไขข้างต้น MacBook Pro รุ่นใหม่ทุกรุ่น สามารถทำความเร็วได้สูงสุด 800 Mbps และอุปกรณ์อื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ ทำความเร็วได้สูงสุดเพียง 650 Mbps เท่านั้น และความเร็ว 1 Gbps จะสามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพเมื่ออยู่ในระยะใกล้กับ Router แค่ไม่กี่เมตรเท่านั้น
เท่ากับว่าแพ็คเกจ Super Mesh Wi-Fi รอบนี้ จะมีตัวเลือกให้เลือกเพิ่มมากขึ้น ดังนี้
- แพ็คเกจ 999 บาท ความเร็ว 1000/200 Mbps สามารถเลือกอุปกรณ์ได้ดังนี้
- Huawei HG8245W5-AIS จำนวน 2 ตัว หรือ
- Nokia Beacon 1 จำนวน 3 ตัว โดยลูกค้าใหม่ต้องชำระค่าบริการล่วงหน้า 4,800 บาท
- แพ็คเกจ 899 บาท ความเร็ว 500/200 Mbps จะได้อุปกรณ์เป็น Huawei HG8245W5-AIS จำนวน 2 ตัว
- ทั้งสองแพ็คเกจสามารถสมัครแพ็คเกจเสริม (Topping) ได้ดังนี้
- จ่ายเพิ่ม 100 บาท เพื่อรับ AIS Playbox พร้อมแพ็คเสริม Play Family ฟรี 12 เดือน / Netflix (HD Package) ฟรี 3 เดือน และ HOOQ ฟรี 6 เดือน พร้อมตั๋วเช่าหนังใหม่เดือนละ 2 ใบ
- จ่ายเพิ่ม 200 บาท เพื่อรับ Public IPv4 (หมายเหตุ : ในแพ็คเกจมี Public IPv6 ให้อยู่แล้ว)
ทั้งคู่ ต้องเซ็นสัญญาการใช้งานต่อเนื่อง 24 เดือนเช่นเดิม และลูกค้าใหม่ AIS Fibre จะต้องชำระค่าแรกเข้า 800 บาท (คืนเป็นส่วนลดค่าบริการรายเดือน เดือนละ 100 บาท 8 เดือน) สามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมนี้เป็นต้นไป ทั้งลูกค้าเก่า ลูกค้าแพ็คเกจ Super Mesh Wi-Fi เดิมที่ยังไม่หมดสัญญา (แต่ต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์) และลูกค้าใหม่
นอกจากนี้ AIS ยังได้มีการปรับกลยุทธ์การตลาดของ AIS Playbox กันเล็กน้อย นั่นคือลูกค้าทุกแพ็คเกจ (รวมถึงแพ็คเกจ eSports ที่เดิมไม่สามารถขอใช้ AIS Playbox ได้) สามารถขอใช้ AIS Playbox ได้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคมนี้เป็นต้นไปเช่นกัน โดยติดต่อที่ AIS Call Center 1175 หรือ AIS Shop ทุกสาขา
ในส่วนแผนขยายโครงข่ายในปีนี้ เนื่องจากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา AIS Fibre มีฐานผู้ใช้งานครบ 1 ล้านรายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว AIS จึงมีการปรับแผนการขยายโครงข่ายเล็กน้อย จากเดิมที่เน้น 65 จังหวัดที่เป็นฐานลูกค้าเดิม เป็นขยายครบ 77 จังหวัดทั่วประเทศ โดยเน้นตามหัวเมืองท่องเที่ยวของแต่ละจังหวัดทั้งเมืองหลักและเมืองรองเป็นลำดับแรก และจากแผนการขยายโครงข่ายและแผนการตลาดในปีนี้ AIS เชื่อว่า จะสามารถก้าวขึ้นเป็นเบอร์ 2 ในตลาดเน็ตบ้านได้ในเร็ว ๆ นี้ครับ