
และแล้วก็มาถึงรอบการอัพเดตประจำปีของโปรแกรมในชุด Adobe Creative Cloud กับงาน Adobe Max 2020 กันอีกครั้ง ในปีนี้ Adobe ยังคงนโยบายการนำเอาเทคโนโลยี AI ของตัวเองที่มีชื่อว่า “Adobe Sensei” ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในปี 2016 มาปรับใช้กับโปรแกรมและแอปพลิเคชันต่าง ๆ เพื่อสร้างฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับโปรแกรมทั้งชุดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปีนี้ Adobe Sensei จะมาสร้างประสบการณ์อะไรใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานและเหล่าดีไซน์เนอร์อะไรกันบ้างนั้น และทิศทางของ Adobe ต่อโลก Mobile ที่กำลังมาแรงจะเป็นยังไงต่อนั้น เราสรุปมาให้ได้อ่านกันแล้วดังนี้ครับ
สะบัดลายเส้นได้ง่ายขึ้นด้วย Fresco for iPhone และ Illustrator for iPad
ในงาน Adobe Max เมื่อปีที่แล้ว Adobe เปิดตัวแอปฯ ในกลุ่ม Creative Cloud Mobile เพิ่มสองตัว คือ Fresco for iPad/Windows 10 และ Illustrator for iPad หลังจากที่ปล่อย Photoshop for iPad มาก่อนหน้านี้ ในงานรอบนี้ก็มีความคืบหน้าอีกเล็กน้อยของสองแอปนี้

Adobe Fresco เป็นแอปวาดรูปสีน้ำมันตัวแรกจาก Adobe โดยเวอร์ชันเดิมสำหรับ iPad คือรองรับการวาดรูปโดยใช้ Apple Pencil วาดลงไปบนจอ รองรับน้ำหนักการวาดเท่ากับน้ำหนักสูงสุดของ Apple Pencil รวมถึงยังมีเวอร์ชันสำหรับ Windows 10 ที่รองรับการใช้งานร่วมกับปากกา Surface Pen รวมถึง S Pen บน Galaxy Book ถือเป็นแอปฯ ที่ช่วยสร้างสรรค์ผลงานเป็นจำนวนมาก และสร้างชื่อให้กับศิลปินหลายคนโดยเฉพาะ
วันนี้ Adobe พอร์ตแอปฯ Fresco ให้ใช้งานกันบน iPhone เรียบร้อยแล้ว โดยเพิ่มความสามารถในการเกลี่ยสีโดยใช้นิ้วเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้ได้สีบนชิ้นงานที่เทียบเท่าการเอานิ้วปาดสีบนชิ้นงานจริง ๆ ซึ่งจะช่วยให้ครีเอเตอร์สามารถสร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่ ๆ ออกมาได้ จากทั้งบน iPad และ iPhone

อีกแอปฯ คือ Adobe Illustrator for iPad ที่ Adobe เปิดตัวมาตั้งแต่งาน Max 2019 โดยปีนี้ Adobe ออกมาอัพเดตความคืบหน้าเล็กน้อย โดยความสามารถเบื้องต้นคือสามารถใช้ Apple Pencil ออกแบบชิ้นงานภาพ โลโก้ หรืองานอาร์ตอื่น ๆ ในรูปแบบไฟล์เวกเตอร์ได้ และสามารถพอร์ตชิ้นงานไปใช้งานกับแอปฯ อื่น ๆ เช่น Photoshop / After Effect / Animate ได้ทันทีผ่านฟีเจอร์ Creative Cloud Library
ประกาศสำคัญบนเวทีของ Adobe Illustrator for iPad รอบนี้ คือตัวแอปฯ จะปล่อยให้ใช้งานกันในวันพรุ่งนี้ (21 ตุลาคม) แล้ว โดยผู้ใช้ iPad สามารถดาวน์โหลดแอปฯ ได้ทันทีจากบน AppStore แต่การใช้งานจะยังคงเงื่อนไขเดียวกับ Photoshop for iPad คือผู้ใช้ต้องมีสิทธิ์การใช้งาน Creative Cloud แพ็คเกจที่มีโปรแกรม Illustrator CC หรือมีสิทธิ์การใช้งานตัว Illustrator CC อยู่เดิมก่อน ถึงจะสามารถใช้งาน Illustrator for iPad ได้
ปลดขีดจำกัดด้านดีไซน์ด้วย Creative Cloud 2021

ในส่วนของโปรแกรมชุด Creative Cloud บนเดสก์ท็อปนั้นก็มีการอัพเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น โดยอาศัยพลังของ Adobe Sensei เข้ามาช่วยพัฒนาศักยภาพและฟีเจอร์ของโปรแกรมให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น ทำงานได้สนุกขึ้น และตื่นเต้นมากขึ้นกับฟีเจอร์ทั้งหมดของ Creative Cloud 2021



นอกจากนี้ Photoshop CC 2021 ยังมีฟีเจอร์อื่น ๆ ที่อัพเดตพร้อมกันอีกได้แก่ Pattern Preview โดยเป็นการทดลองวาด Pattern ที่ผู้ใช้ทำไว้บนวัตถุหรือชิ้นงานที่ต้องการ ทำให้ผู้ใช้รับรู้ได้ว่าถ้าวาด Pattern นี้ลงบนชิ้นงานจะออกมาเป็นอย่างไร และเวอร์ชันนี้จะเพิ่มการรองรับการติดตั้ง External Plug-in เข้ามา ช่วยให้ผู้ใช้สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มเติมได้ เช่นปลั๊กอิน Dropbox เพื่อดึงเอาไฟล์ต่าง ๆ จากใน Dropbox เข้ามาใช้กับ Photoshop CC 2021 ได้เลย โดยไม่ต้องติดตั้ง Dropbox ลงในเครื่อง
ถัดมาที่ Illustrator CC 2021 รอบนี้มีฟีเจอร์จาก Sensei เข้ามาเช่นกัน นั่นคือฟีเจอร์ Recolor Artwork เป็นการเปลี่ยนสีของวัตถุให้สอดคล้องกับสีพื้นที่ต้องการ รวมถึงรองรับการ Sync งานชิ้นเดียวกันระหว่าง Illustrator CC 2021 และ Illustrator for iPad เพื่อให้การทำงานของทั้งสองแอปฯ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง

สุดท้ายกับโปรแกรมยอดฮิตน้องใหม่ XD CC 2021 รอบนี้ Adobe ใช้ Adobe Sensei เข้ามาสร้างเป็นฟีเจอร์ 3D Transforms ที่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถดีไซน์ Flow ของแอปฯ ได้แบบ 3 มิติ และสามารถทำนายการเปลี่ยนผ่านของแอปฯ ได้ในตัว ทำให้ผู้ใช้ได้รู้ว่า ถ้าเปลี่ยนหน้าของแอปฯ ตามนี้ ผลที่ได้จะเป็นอย่างไร รวมถึงเพิ่มการรองรับ Creative Cloud Library เพื่อแชร์ไฟล์จาก Photoshop / Illustrator เข้ามาใช้งานใน XD ได้เลยโดยไม่ต้อง Export ออกมาเป็นไฟล์ภาพเพื่อประกอบลงใน XD อีกทีหนึ่ง

และไม่ใช่แค่สามโปรแกรมหลัก ๆ ที่พูดถึงเท่านั้น Adobe ยังอัพเดตโปรแกรมอื่น ๆ ในชุด โดยอาศัยพลังของ Adobe Sensei อีกมากมาย เช่นฟีเจอร์ Speech to Text หรือฟีเจอร์สร้างซับไตเติลแบบอัตโนมัติใน Premier Pro CC 2021 ฟีเจอร์ Roto Brush 2 สำหรับไดคัตตัวแบบออกจากพื้นหลังใน After Effects CC 2021 และฟีเจอร์ Speech Aware Animation ใน Character Animation สำหรับสร้างอนิเมชันให้กับชิ้นงานโดยใช้การจับภาพจากกล้องเว็บแคม หรือกล้อง FaceTime ควบคู่กับฟีเจอร์การจับใบหน้าของ Adobe Sensei เป็นต้น

ฟีเจอร์ทั้งหมดนี้ Adobe กล่าวว่าเป็นการนำเอา Adobe Sensei มาสร้างฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์ให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งสิ่งที่ผู้ใช้งานจะได้รับ ก็คือความสนุกในการสร้างชิ้นงานที่มากขึ้น จากผลของ Adobe Sensei และทั้งหมดที่สร้างขึ้น Adobe Sensei ก็จะเรียนรู้ด้วยตัวเองและนำกลับไปรายงานให้ Adobe ได้ทราบ เพื่อนำเอาไปสร้างสรรค์เป็นฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับผู้ใช้งานต่อไป
ใช้ Adobe Sensei ลดโอกาสลอกผลงานคนอื่น
อีกปัญหาที่เจอกันในช่วงหลายปีหลังมานี้ คือเรื่องของการลอกผลงาน หรือลอกชิ้นงานของบุคคลอื่น เพื่อเป็นการป้องกันปัญหานี้ Adobe ได้นำเอา Adobe Sensei มาสร้างเป็นฟีเจอร์ใหม่อีกฟีเจอร์หนึ่งที่มีชื่อว่า “Content Authenticity”
Content Authenticity จะช่วยรายงานให้ผู้ใช้ได้ทราบว่า ชิ้นงานที่นำมาใช้นั้น เป็นชิ้นงานที่ถูกสร้างสรรค์ขึ้นโดยใคร รูปถ่ายที่ถ่ายขึ้น ถูกถ่ายโดยใคร หรือไม่ถ้าเราเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานด้วยตัวเอง เราเองก็สามารถระบุได้ว่าชิ้นงานนี้เป็นของเรา ถูกทำขึ้นเมื่อไหร่ โดยโปรแกรมใดเป็นต้น ข้อมูลทั้งหมดนอกจากรับรู้ได้จากในโปรแกรมชุด Adobe CC แล้ว ยังสามารถรับรู้ได้จากเว็บไซต์แหล่งซื้อขายรูป เช่น Adobe Stock, ShutterStock หรือ Getty โซเชียลมีเดีย หรือช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ได้
และเพื่อการนี้โดยเฉพาะ Adobe ยังได้ร่วมมือกับองค์กรต่าง ๆ สร้างสมาคมเพื่อป้องกันการลอกผลงานในชื่อ “Content Authenticity Initiative” ขึ้น โดยมีสมาชิกผู้เข้าร่วมเป็นองค์กรต่าง ๆ อาทิ The New York Times, BBC, CBC Radio Canada, Twitter, Microsoft, Qualcomm, Truepic, และ Witness เป็นต้น และ Adobe คาดหวังว่าจะมีสมาชิกเข้าร่วมอีกมากมายในอนาคต
สรุป “Sensei คือ AI เปลี่ยนโลก Creativity”

ทั้งหมดที่กล่าวมา นั่นคือภาพรวมของงาน Adobe Max 2020 ในด้านโปรแกรมและแอปพลิเคชันในชุด Adobe Creative Cloud แต่งาน Adobe MAX 2020 ยังกล่าวถึงภาพรวมของวงการดีไซน์ที่ถูก Disrupt แทบทั้งวงการ จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ทำให้รูปแบบการทำงาน การใช้ชีวิต และการดำเนินการต่าง ๆ ล้วนเปลี่ยนไป การทำงานที่หันมาพึ่ง Cloud มากขึ้น การประชุมผ่าน Live Conference การเรียนการสอนผ่านสตรีมมิ่ง ทั้งหมดก็สื่อให้เห็นว่าแนวทางที่ Adobe หันมาเมื่อหลายปีก่อนนั้นถูกต้อง
และเมื่อ Adobe เปิดตัว Adobe Sensei แนวทางของ Adobe ก็ชัดเจนมากขึ้น มีการ Disrupt รูปแบบการทำงานในวงการดีไซน์หลายอย่าง เปิดกว้างให้ดีไซน์เนอร์หน้าใหม่ ๆ สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้ง่ายขึ้น สะดวกมากขึ้น และสนุกสนานมากขึ้น ทั้งหมดนี้จึงทำให้ Adobe เน้นการพัฒนา Adobe Sensei อย่างหนัก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ที่จะตอบสนองการใช้งานของผู้ใช้ต่อการออกแบบงานต่าง ๆ ต่อไป

เราเองก็เชื่อว่าในอนาคต Adobe น่าจะเห็นอะไรอีกหลายอย่าง กับ Adobe Sensei แต่จะมีอะไรบ้างนั้น คงต้องอดใจรอ เพื่อดูกันต่อไปในงาน Adobe Max ปีต่อไป
ส่งท้ายบทความนี้ด้วยการย้ำท้ายกันอีกครั้ง แอปฯ ทั้งหมดที่ประกาศฟีเจอร์ใหม่ในวันนี้ Adobe จะเริ่มปล่อยให้ใช้งานกันภายในเดือนตุลาคมนี้ ผู้ใช้งานสามารถอัพเกรดโปรแกรมต่าง ๆ ขึ้นมาเป็นเวอร์ชัน CC 2021 ได้ทันทีจาก Adobe Creative Cloud Manager สำหรับ Fresco for iPhone และ Illustrator for iPad จะเปิดให้ดาวน์โหลดกันตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปที่ AppStore เท่านั้น