หลังจากมีข่าวคุมเครือมานานแรมปี ในที่สุดก็มีประกาศอย่างเป็นทางการแล้ว โดยวันนี้ (22 พฤศจิกายน 2564) ทั้ง Telenor Asia และเครือเจริญโภคภัณฑ์ ออกประกาศอย่างเป็นทางการ ว่ากำลัง อยู่ในระหว่างการศึกษาแนวทางที่เป็นไปได้ ในการควบรวมกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นบริษัทเดียวกัน และได้ลงนามใน MoU ร่วมกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว โดยรายละเอียดการควบรวมกิจการมีดังนี้
- ทั้ง True และ dtac จะตรวจสอบคุณภาพและความพึงพอใจของกิจการ (due diligence) ของทั้งสองฝ่ายก่อน
- ในระหว่างนี้ CP และ Telenor จะจัดตั้ง Holding Company ใหม่ (ชื่อชั่วคราว ณ 22 พฤศจิกายน คือ บริษัท ซิตริน โกลบอล จำกัด) สัดส่วนการถือหุ้นเท่ากันคือร้อยละ 50 บริษัทนี้จะเปรียบเสมือนบริษัทร่วมค้าระหว่าง CP และ Telenor
- Holding Company จะทำ Tendor Offer เข้าเสนอซื้อหุ้นสามัญทั้งหมดของ True/dtac ด้วยการแลกหุ้นในสัดส่วน 1 ต่อ 2.40072 สำหรับผู้ถือหุ้นของ True และ 1 ต่อ 24.53775 สำหรับผู้ถือหุ้นของ dtac โดย Holding Company ใหม่ จะมีสัดส่วนของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมด 138,208,403,204 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 บาท คิดเป็นมูลค่า 138,208.4 ล้านบาท
dtac และ TRUE มีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจโทรคมนาคมในประเทศไทยมากว่า 20 ปี มีความก้าวหน้าและเจริญเติบโตอย่างมาก และในอีก 20 ปีถัดไป เทคโนโลยีต่างๆ จะเปลี่ยนไป การมาถึงของ 5G , ปัญญาประดิษฐ์ (AI) , Internet of Things (IoT) และระบบ Cloud รวมถึงการมาของยุค 5.0 ในอนาคต นี่คือการปฏิวัติทางเทคโนโลยี การทำธุรกิจจะถูกเปลี่ยนแปลงไป ไม่ใช่แค่แข่งขันกันเองในประเทศ แต่รวมถึงการแข่งกันกันในตลาดโลกอีกด้วย จึงมีแนวคิดในการควบรวมกิจการ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) และ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซส คอมมูนิเคชัน จำกัด (มหาชน) เข้าเป็นบริษัทเดียวกัน และได้ลงนามใน MOU ร่วมกันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว
โดยการประกาศการสร้างธุรกิจนี้ มีขึ้นเพื่อรองรับความท้าทายในเชิงดิจิทัลในอนาคต โดยทั้งสองบริษัทจะทำการจัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา โดยที่ผู้ถือหุ้นจะถือในสัดส่วนเท่าๆ กัน โดยมีรายได้รวมกันกว่า 2 แสนล้านบาท และมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 40% ความร่วมมือนี้ จะเริ่มจากวันที่ประกาศความร่วมมือ ณ วันที่ 22 พฤศจิกายนนี้ และเริ่มขั้นตอนกระบวนการตรวจสอบและวิเคราะห์สถานะทางธุรกิจ เริ่มวางแผนงานด้านความร่วมมือ และเตรียมลงนามในข้อตกลงต่างๆ ในไตรมาสที่ 1 ของปี พ.ศ. 2565 หลังจากสามารถบรรลุข้อตกลงและเงื่อนไขทางธุรกิจได้แล้ว จะเสร็จสิ้นกระบวนการควบรวมภายในไตรมาสที่ 2 ของปี พ.ศ. 2565 โดยในระหว่างนี้ ทั้งดีแทคละทรู จะยังให้บริการลูกค้าและดำเนินธุรกิจตามปกติ
นอกจากนี้ยังมีแผนในอนาคต โดยจะทำการระดมทุนมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อลงทุนใน Tech Start-Up เพื่อส่งเสริมให้ประเทศไทยเข้าสู่การเป็น Technology Hub ในภูมิภาคนี้อีกด้วย
สรุปทั้งหมดนี้คือการควบรวมกันจัดตั้งบริษัทใหม่ เพื่อร่วมมือกันเพื่อทำธุรกิจเพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคตนั่นเอง โดยระหว่างกระบวนการทางกฎหมาย และการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น กสทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง True และ dtac จะดำเนินธุรกิจต่อไปตามปกติ หากฝ่ายใดไม่อนุมัติการทำรายการ ให้ถือว่าดีลนี้สิ้นสุดลงทันที
