เชื่อว่าหลายคนน่าจะเคยเห็นโฆษณาด้านล่างนี้ผ่าน ๆ ตากันมาบ้าง ไม่บนทีวี ก็น่าจะได้เห็นในโรงหนัง SF กันบ้างแหละ และผมเชื่อว่าหลายคนต้องสงสัยว่า เอ… dtac กำลังเล่นอะไรอยู่ อยู่ดี ๆ เอาพี่ขอย เอ้ย พี่ซันนี่ มาเรียกแขกกันแบบนี้ เพราะฉะนั้น ก่อนจะเข้าเรื่อง เรามาย้อนดูโฆษณาตัวนี้กันก่อนดีกว่า
นี่ก็ไม่ใช่อะไรครับ แต่เป็นแคมเปญ dtac reward ที่ dtac รุกหนักมากในช่วง 2-3 ปีนี้ และที่พิเศษกว่ามากก็คือในปีนี้ dtac reward เป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญหลักประจำปีอย่าง “ใจดี” ที่เราเคยรายงานไว้ก่อนหน้าด้วย ปีนี้ dtac จะใจดี มอบสิทธิพิเศษใหักับลูกค้า dtac อย่างไรบ้างนั้น การออกทริปด่วนไปศรีราชาเมื่อวานนี้ คงเป็นคำตอบที่สำคัญของคำถามนี้แหละครับ
ฟรี ลด แถม อย่างเดียวคงไม่พอ เพราะเราต้อง "ขี้เล่น"
สิ่งที่เปลี่ยนไปของ dtac reward ในปีนี้ คือเราจะเห็น dtac รุกตลาดในส่วนของ Local Province กันมากขึ้น ที่ทำแบบนี้ก็เพื่อให้ลูกค้าในทุกภาคส่วนของประเทศไทย สามารถรับประสบการณ์และสิทธิพิเศษดี ๆ จาก dtac reward ได้ และช่องทางที่เร็วที่สุด ก็คือการขยาย dtac reward ออกจากห้างสรรพสินค้าไปสู่ร้านค้าระดับชุมชนจนถึงร้านค้าเล็ก ๆ ข้างถนนกันมากขึ้น จนทำให้ตอนนี้ dtac มีพันธมิตร dtac reward กว่า 25,000 ร้านค้าไปแล้ว และครอบคลุมทั้งร้านค้าเชนใหญ่ ห้างสรรพสินค้า ตลอดจนถึงระดับร้านค้าชุมชน
เมื่อมีพันธมิตรรองรับ สิ่งต่อมาที่ต้องทำก็คือการประชาสัมพันธ์ว่าเรามีสิทธิพิเศษรอลูกค้าอยู่มากมาย จึงเป็นที่มาของการเรียกใช้บริการจาก “พี่ขอย” ซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ พรีเซ็นเตอร์คนปัจจุบันของ dtac มาเล่าถึงประสบการณ์พิเศษด้วยสามคำสุดน่ารัก “มาลด” “มาแถม” และ “มาฟรี” ที่ไม่ใช่แค่การเล่าผ่านโฆษณาเท่านั้น แต่ยังเล่ายาวไปถึงการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ ที่สามารถไปถึงได้เช่น รถสองแถว หรือป้ายแขวนผ้าต่าง ๆ อีกด้วย
อนาคต...หันไปทางไหน ก็ต้องเห็นป้ายฟ้า
25,000 ร้าน ถ้าเทียบกับคู่แข่งก็ยังคงเป็นจำนวนที่มีอยู่ค่อนข้างน้อยมาก แต่คุณเพ็ญพงา สุทธิมณฑล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารลูกค้า dtac กล่าวว่าจำนวนนี้ก็มาไกลจากช่วงแรกเริ่มของ dtac reward ณ ปี 2006 มาก แต่ dtac จะไม่หยุดแค่นั้น เพราะ dtac ตั้งเป้าไว้ว่าในช่วงปลายปีนี้ dtac จะหาพันธมิตรเข้าร่วมโครงการ dtac reward ให้ได้กว่า 30,000 ร้านค้า และในอนาคตมองไปทางไหนเราก็ต้องได้เห็นป้ายสีฟ้าแทบทั้งสิ้น
คุณปัญญา เวชบรรยงรัตน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานพาณิชย์ ดีแทค ยังได้เผยเพิ่มเติมว่า dtac เองได้จัดสรรงบไว้สำหรับการคืนกำไรลูกค้าผ่านโครงการ dtac reward โดยเฉพาะ เราจะไม่นำเงินก้อนนี้ไปเน้นการทำร้าน เน้นการทำเลาจน์ หรือการจองที่จอดรถตามสถานที่ต่าง ๆ เพราะ dtac ต้องการให้ dtac reward สามารถเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด และลูกค้าทุกระดับตั้งแต่ Blue Member, Gold Member, Silver Member ไปจนถึงลูกค้าระดับรากหญ้าที่เพิ่งใช้งานเพียงแค่ 30 วัน ก็ต้องได้รับสิทธิพิเศษต่าง ๆ อย่างเท่าเทียมกันในทุก ๆ ร้านที่ dtac เข้าไป ทั้งหมดนี้ก็เพื่อเป็นการมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตอีกรูปแบบหนึ่ง ให้ลูกค้าได้มีความสุข มีรอยยิ้มอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง
ไม่ว่าเราจะจ่ายเท่าไหร่ "แต่เราก็ต้องให้ลูกค้าเท่าเดิม"
ทีมงานยังได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณเพ็ญพงาเพิ่มเติมในประเด็นเรื่องของการลงทุนเครือข่ายที่จะเกิดขึ้นในปีนี้ ว่าจะส่งผลกระทบต่อโครงการ dtac reward อย่างไร เหตุการณ์เดจาวูจากค่ายอื่น ๆ จะเกิดขึ้นซ้ำหรือไม่ งานนี้ dtac เลยขอย้ำว่า แม้เราต้องจ่ายเยอะ “แต่ลูกค้าก็ต้องได้เท่าเดิม”
คุณเพ็ญพงาเทียบให้เห็นแบบชัด ๆ ว่า ความรู้สึกของลูกค้าก็ไม่ต่างจากความรู้สึกของลูก ถ้าลูกได้เงินวันละ 100 บาท แต่วันหนึ่งเกิดเหตุที่ต้องลงทุนกันเป็นล้าน ๆ และลูกได้เงินลดลง สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือลูกจะรู้สึกน้อยใจ ซึ่งก็ไม่ต่างจากลูกค้าที่รู้สึกน้อยใจว่า ทำไมเราได้ Reward ที่ควรจะได้น้อยลง ทั้ง ๆ ที่เราก็จ่ายเท่าเดิมตลอดเวลา สึ่งนี้จะไม่เกิดขึ้นกับ dtac แน่ ๆ และแม้ว่าเรื่องการประมูลคลื่นจะส่งผลให้บริษัทต้องเสียงบลงทุนเครือข่ายเป็นจำนวนมาก แต่ dtac ก็ยังขอให้คำมั่นว่าสิทธิพิเศษต่าง ๆ ที่ลูกค้าได้รับ จะต้องมีจำนวนเท่าเดิม และมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต
เติมเงิน "ก็ใช้ได้น้า"
อีกหนึ่งประเด็นที่ dtac อยากจะเน้นย้ำก็คือเรื่อง dtac reward ลูกค้าเติมเงินก็ใช้งานได้ ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นลูกค้ารายเดือนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และลูกค้าเติมเงินเองก็สามารถอัพเกรดขึ้นมามีสถานะแบบเดียวกับลูกค้ารายเดือนได้อีกด้วย
ที่ผ่านมา dtac เห็นว่าลูกค้าเติมเงินไม่กล้าใช้ dtac reward กันมากนัก เพราะเกรงว่าจะไม่เข้าเงื่อนไขการใช้งาน อาทิต้องมียอดค่าใช้จ่ายขั้นต่ำ xxx บาท/เดือน หรือต้องสมัครแพ็คเกจที่กำหนดถึงจะสามารถใช้สิทธิ์ได้ ซึ่ง dtac reward จะไม่มีเรื่องแบบนี้มาทำให้ลูกค้าปวดหัว เพราะลูกค้าเติมเงินเพียงแค่ใช้งานครบ 30 วันเท่านั้น ก็จะสามารถใช้สิทธิพิเศษต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่ แถมยังสามารถอัพเกรดขึ้นสถานะต่าง ๆ ได้อีกด้วย เพียงแค่
- มียอดค่าใช้บริการขั้นต่ำ 150 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 6 เดือน หรือมีอายุการใช้งาน 3 ปีขึ้นไป สำหรับสถานะ Silver Member หรือ
- มียอดค่าใช้บริการขั้นต่ำ 800 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 6 เดือน หรือขั้นต่ำ 300 บาท/เดือน และมีอายุการใช้งาน 10 ปีขึ้นไป สำหรับสถานะ Gold Member หรือ
- มียอดค่าใช้บริการขั้นต่ำ 2,000 บาท/เดือน ต่อเนื่อง 6 เดือน หรือขั้นต่ำ 300 บาท และมีอายุการใช้งาน 20 ปี สำหรับสถานะ Blue Member
และการรักษาสถานะก็ง่ายมาก เพียงแค่เบอร์ไม่หมดอายุ แม้ใช้เพียงแค่บาทเดียว ก็สามารถรับสิทธิ์ทั้งหมดได้ทันที โดยไม่ต้องกลัวว่าสิทธิ์จะหลุดหรือหายไปแต่อย่างใด
สรุป "ใจดี ก็ต้องให้มากกว่า"
ที่ผ่านมา dtac reward ทำผลงานได้ดีมากชนิดที่ว่าดีกว่าคู่แข่งอีกสองค่ายแบบเห็นได้ชัด ปีนี้ dtac ก็ขอรักษามาตรฐานเดิมเอาไว้อย่างครบถ้วน และก็เพิ่มเติมด้วยสิทธิพิเศษที่ลงไปลึกถึงร้านระดับเล็กๆ ในชุมชน หรือร้านชิค ๆ ที่คนไม่ค่อยรู้จักกันเป็นต้น และเชื่อว่านับจากนี้ dtac ก็จะไม่หยุดที่จะมอบสิทธิพิเศษให้ลูกค้าอีกเป็นจำนวนมาก และตอบสนองต่อทุกไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว
ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าคลื่นที่มีอยู่ในมือ จะแรงพอที่จะเรียกลูกค้ากลับมาใช้สิทธิพิเศษเหล่านี้ได้หรือไม่ การลงทุนเครือข่าย 2300 MHz และการประมูลคลื่นนับจากนี้ น่าจะเป็นตัวแปรสำคัญหนึ่งได้เลยล่ะครับ