Ookla Speedtest ผู้ให้บริการแอปพลิเคชันทดสอบความเร็วอินเทอร์เน็ตระดับโลก เผยผลการทดสอบความเร็วของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยช่วงครึ่งปีหลัง 2018 (กรกฎาคม-ธันวาคม) และจัดอันดับให้ AIS เป็นผู้นำด้านความเร็วอินเทอร์เน็ตบนมือถืออันดับ 1 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นับตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา และยังจัดอันดับให้เป็นอินเทอร์เน็ตบนมือถือที่เร็วที่สุดเป็นอันดับ 1 ในกรุงเทพมหานคร จากการทดสอบกว่า 7,000,000 ครั้ง ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารกลุ่มลูกค้าทั่วไป AIS กล่าวถึงความสำเร็จกับรางวัล Ookla Speedtest เพิ่มเติมว่า AIS มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เราได้รับรางวัล Ookla Speedtest ต่อเนื่องตลอดปี 2018 ทั้งครึ่งปีแรกและครึ่งปีหลัง พร้อมยกให้เป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน นี่คือการการันตีคุณภาพเครือข่ายของ AIS ที่เราใส่ใจและพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง วันนี้เรามีคลื่นความถี่ในมือมากที่สุดถึง 120 MHz (60 MHz x 2) ซึ่งเต็มเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ พร้อมต่อยอดสู่เทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ในอนาคต รวมถึงเรายังมีเครือข่าย AIS Next G เครือข่ายที่เร็ว และแรงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เครือข่าย AIS 4.5G และ AIS 4G Advanced ที่รองรับเทคโนโลยีชั้นสูง อาทิ MIMO 4×4 with CA, 256 QAM DL/64 QAM UL, LAA (Licensed Assisted Access) และ FDD Massive MIMO 32T 32R รวมทั้ง AIS SUPER WiFi ที่มีกว่า 100,000 จุดทั่วประเทศ ทั้งหมดนี้จึงเป็นการตอกย้ำด้านการพัฒนาคุณภาพการให้บริการ และเป็นความภาคภูมิใจของทีมงาน AIS ทุกคน ที่ได้มุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพการให้บริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อลูกค้า AIS กว่า 40 ล้านเลขหมายทั่วประเทศของเรา
Mr. Doug Suttles, CEO – Ookla กล่าวเสริมว่า Ookla ต้องขอแสดงความยินดีกับ AIS ที่ได้รับรางวัลนี้อย่างต่อเนื่องถึง 4 ปีซ้อน เราขอยืนยันว่าการเก็บข้อมูลและประเมินผลของ Ookla Speedtest เป็นวิธีการที่ได้มาตรฐานตามหลักสากลและได้รับการยอมรับในระดับอุตสาหกรรมโลก โดยรางวัล Speedtest Awards นี้ เราใช้เกณฑ์การตัดสินด้วยคะแนนความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ต (Speed Score) จากประสิทธิภาพในการดาวน์โหลดและอัพโหลด รวมถึงค่าความต่างเวลาที่แต่ละเครือข่ายสามารถทำได้น้อยที่สุด และรางวัลนี้เราได้สำรวจจากอุปกรณ์สมัยใหม่ทุกชนิด (Modern Device) และไม่จำกัดหรือจำแนกว่าแต่ละเครือข่ายใช้เทคโนโลยีการเชื่อมต่อแบบใด ขอให้โทรศัพท์สามารถเชื่อมต่อและเข้าถึงความเร็วอินเทอร์เน็ตได้สูงสุดก็เพียงพอ
ทั้งนี้หลายประเทศได้ใช้คะแนนความเร็วในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เป็นความเร็วตั้งต้นหรือความเร็วมาตรฐานที่แต่ละเครือข่ายจะต้องทำให้ถึง โดยผู้ให้บริการเครือข่ายในแต่ละประเทศจะมีกลุ่มตัวอย่างเพื่อทดสอบประสิทธิภาพในการใช้งานอย่างน้อย 3% ของลูกค้าทั้งหมดในพื้นที่ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมากในการทดสอบการให้บริการความเร็ว