Samsung ประกาศตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาดโทรทัศน์ในประเทศไทย 13 ปีซ้อน ด้วยการต่อยอดเทคโนโลยี QLED หรือ Quantum Dot Display สู่สองโทรทัศน์รุ่นใหม่ล่าสุดกับ Samsung QLED Lifestyle TV “The Frame” และ “The Serif” ที่จะเปลี่ยนทุกประสบการณ์เดิม ๆ ของทีวีอย่างหมดจด ให้คุณได้ประสบการณ์ที่มากกว่าแค่โทรทัศน์เพียงหนึ่งเครื่อง
QLED Lifestyle TV ประกอบด้วยกันทั้งหมดสองรุ่น ได้แก่ The Frame 2019 ทีวีที่มาพร้อมกับนิยามแห่งศิลป์ เมื่อเปิดเครื่อง The Frame จะเป็นทีวีธรรมดา แต่เมื่อปิดเครื่อง The Frame จะกลายเป็นกรอบรูปสำหรับแสดงงานศิลป์จากศิลปินชื่อดังระดับโลกกว่า 1,000 รายการที่สามารถเลือกสรรได้ผ่าน Samsung Art Store ซึ่งทำงานอยู่บนโหมดประหยัดพลังงานพิเศษที่ทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ตรวจจับระยะ และเซ็นเซอร์รับแสง ที่จะช่วยให้ The Frame สามารถปรับสภาพแสงในโหมดประหยัดพลังงานของทีวีได้อย่างอิสระ แม้ไม่มีคนอยู่ในบ้านก็ตาม
The Frame ยังมาพร้อมกับดีไซน์ลุคพรีเมียมด้วยกรอบวัสดุแบบเมทัลลิคสามเฉดสี (สีเบจ, สีวอลนัท, และสีขาว) ให้ความรู้สึกหรูหรา พรีเมียม และยังมาพร้อมดีไซน์แบบ No Gap Wall-mont ที่ช่วยทำให้ The Frame เป็นกรอบภาพที่สมจริงมากขึ้นเมื่อแขวนเข้ากับผนัง สามารถแนบสนิทไปกับผนังบ้านได้อย่างแนบเนียน พ่วงกับเทคโนโลยี One Invisible Connection เทคโนโลยีการซ่อนสายเชื่อมต่อหนึ่งเดียวของ Samsung ที่สามารถซ่อนสายได้อย่างแนบเนียน ไม่ต้องเห็นสายเชื่อมต่ออันยุ่งเหยิงอีกต่อไป ทั้งหมดทั้งมวลนี้จึงช่วยให้ The Frame เป็นเสมือนกรอบรูปแสดงงานศิลปะ มากกว่าโทรทัศน์หนึ่งเครื่องโดยปริยาย
และอีกหนึ่งรุ่นกับ The Serif ครั้งแรกของทีวีรูปทรงพิเศษที่ได้รับแรงบันดาลใจจากตัวอักษร “I” เป็นนวัตกรรมทีวีที่เกิดขึ้นจากความร่วมมือของ Samsung และสองพี่น้องนักออกแบบชื่อดัง Ronan & Erwan Bouroullec โดยผสมผสานเทคโนโลยี เข้ากับงานออกแบบดุจดั่งเฟอร์นิเจอร์ได้อย่างลงตัว สวยงามในทุกมุมมอง 360 องศา รวมถึงออกแบบฝาหลังให้สามารถซ่อนสายเชื่อมต่อต่าง ๆ ได้อย่างมิดชิด และยังมาพร้อมกับ Magic Screen และ Ambient Screen เวอร์ชันใหม่ที่ออกแบบพิเศษสำหรับ The Serif โดยเฉพาะ ให้เสมือนว่าทีวีเครื่องนี้เป็นดั่งงานศิลป์ชิ้นเอกอีกชิ้นในบ้านคุณ การันตีคุณภาพงานดีไซน์จาก 3 รางวัลจากเวทีระดับโลกอย่าง iF Design Award, IDEA Award และ Good Design Award ในปี 2019
The Serif มาพร้อมจุดเด่นในด้านการใช้งานที่ให้ประสบการณ์มากกว่าทีวีทั่ว ๆ ไป กับครั้งแรกของ “NFC on TV” เพียงวางสมาร์ทโฟนที่รองรับการใช้งาน NFC บนด้านบนของเครื่อง ตัวเครื่องจะสามารถเชื่อมต่อเข้ากับสมาร์ทโฟนได้อย่างรวดเร็ว และดึงเอาคอนเทนต์หรือเพลงที่กำลังเล่นอยู่ในขณะนั้น ขึ้นมาเล่นต่อบนทีวีได้เลยโดยคุณไม่ต้องทำการเชื่อมต่ออะไรกับทีวีทั้งสิ้น
The Frame และ The Serif ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีหน้าจอ QLED หรือ Quantum Dot Display ที่ให้รายละเอียดทั้งภาพ และความคมชัดแบบสมจริง สีสันจัดจ้านครบถ้วนทุกรายละเอียดด้วย 100% Color Volume เทคโนโลยีการแสดงผลหนึ่งเดียวจาก Samsung ที่นำเสนอรายละเอียดของสีได้ครบถ้วนกว่าพันล้านเฉดสี พร้อมด้วยเทคโนโลยี Q HDR ช่วยให้ภาพสว่าง คมชัดทุกรายละเอียดด้วยเทคโนโลยี HDR 10+ ที่ให้ภาพและองค์ประกอบครบ ชัดเจนในทุกมุมมอง Q Contrast เทคโนโลยีคอนทราสต์หนึ่งเดียวจาก Samsung ที่ช่วยปรับความชัดและแสงของภาพให้มีมิติสมจริงในสภาพแวดล้อมแสงที่แตกต่างกัน และ Contrast Enhancer เทคโนโลยีช่วยลดแสงสะท้อนให้ภาพบนจอคมชัดสวยงามที่เคย
และด้วยระบบปฏิบัติการ TIZEN อันเป็นเอกลักษณ์ The Frame และ The Serif จึงรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ คอนเทนต์ และแอปพลิเคชันต่าง ๆ ได้มากมาย ให้ประสบการณ์การรับชมทีวีแบบไร้ขีดจำกัด พร้อมด้วย Bixby AI ผู้ช่วยอัจฉริยะที่สามารถตอบทุกคำถาม และควบคุมการทำงานของทีวีได้อย่างใจนึก อีกทั้งยังรองรับการทำงานร่วมกับ Amazon Alexa และ Google Assistant สองผู้ช่วยยอดนิยมที่จะปลดล็อกความสามารถของทีวีให้ทำงานได้ดีไปอีกขึ้น Apple TV App และ Apple AirPlay 2 ครั้งแรกที่ผู้ใช้ Apple จะสามารถสนุกกับการสตรีมคอนเทนต์จากอุปกรณ์ iOS และ macOS หรือสนุกกับคอนเทนต์หลากหลายรายการบน iTunes Store บนหน้าจอทีวีได้อย่างลงตัว One Single Remote รีโมทหนึ่งเดียวจาก Samsung ที่จะช่วยให้การใช้งานทีวีง่ายกว่าที่เคย และพิเศษกว่าด้วยปุ่มช็อตคัทเข้าสู่แอปพลิเคชันสตรีมหนังชื่อดังทั้ง Netflix และ Prime Video ได้อย่างรวดเร็ว และที่สำคัญที่สุด The Frame และ The Serif ยังเป็นทีวีที่เข้าใจผู้ใช้งานชาวไทยได้ครบถ้วน ด้วยการรองรับการค้นหา YouTube ผ่านเสียงภาษาไทยเต็มตัว
Samsung QLED Lifestyle TV เริ่มวางจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปที่ตัวแทนจำหน่ายของ Samsung ทุกแห่งทั่วประเทศ โดย Samsung The Frame 2019 วางจำหน่ายด้วยกันทั้งหมดสองขนาด ได้แก่ 55 นิ้ว ในราคา 47,990 บาท และ 65 นิ้ว ในราคา 69,990 และ Samsung The Serif วางจำหน่ายเพียงขนาดเดียวคือ 55 นิ้ว ในราคา 59,990 บาท ทั้งสองรุ่นมาพร้อมกับระยะเวลารับประกัน 3 ปี ด้วยบริการหลังการขาย QLED Premium Service บริการผู้ช่วยส่วนตัวที่คอยดูแลทุกการใช้งานตั้งแต่เปิดเครื่องจนถึงสิ้นสุดระยะเวลารับประกัน ทั้งการแนะนำสินค้าแบบส่วนตัว (Private Demo Service) บริการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาแบบเร่งด่วนตลอด 24 ชั่วโมง (24 Hr. Personal Assistant Hotline) ทั้งผ่าน Call Center และผ่าน VDO Calling บริการการซ่อมแซมเบื้องต้นแบบระยะไกล (Remote Service) และบริการซ่อมแซมถึงสถานที่ หากเกิดปัญหาในการใช้งาน (On-site Service) พร้อมด้วยการรับประกันหน้าจอไหม้ทุกกรณี (Burn-in Warranty) หากหน้าจอไหม้สามารถรับการซ่อมแซมได้ฟรีตลอดอายุการใช้งาน