ข่าวประชาสัมพันธ์

เปิดตัว “Huawei Mate 30 Pro” ในประเทศไทย คิดใหม่ ทำใหม่ ในราคาสุดถูกเพียง 28,990 บาท

Huawei Consumer ประเทศไทย เปิดตัวสมาร์ทโฟนเรือธงรุ่นใหม่ล่าสุด “Huawei Mate 30 Pro” สมาร์ทโฟนคิดใหม่ทำใหม่ และเป็นความหวังใหม่ของ Huawei ในวันที่ทุกคนทราบกันดีว่าเกิดอะไรขึ้นในวงการ ภายใต้กรอบความคิดใหม่ทำใหม่ Huawei เปลี่ยนรูปแบบวิธีการคิดและออกแบบผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ใหม่ทั้งหมด ตั้งแต่ดีไซน์ ตลอดจนเทคโนโลยี และ Ecosystem ที่จะนำมาใช้แทนใน Mate 30 Pro รุ่นนี้

 

Huawei Mobile Service “ความหวังใหม่ของ Huawei”

สิ่งที่เปลี่ยนไปจากความคุ้นชินเดิมเป็นลำดับแรกนั่นคือ Mate 30 Pro ถือเป็นมือถือชุดแรกของ Huawei “ที่ไม่มีบริการ Google Mobile Services ติดมาให้ด้วย” จากปัญหาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นการแก้ทาง Huawei จึงต้องพัฒนาบริการใหม่ที่มีชื่อว่า “Huawei Mobile Service” (HMS) ขึ้นมาใช้งานแทน

HMS จะประกอบไปด้วยสามส่วนหลัก ๆ คือ HMS App ที่จะเป็นแอปฯ พื้นฐานบนแพลตฟอร์ม ได้แก่ Themes, Video, Cloud, AppGallery, Life Service, Music, Wallet, Assistant, Reader, SkyTone และ Browser สองคือ HMS Capabilities ซึ่งจะเป็น API ที่ใช้ในการติดต่อกับบริการต่าง ๆ ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ เช่น กล้อง, GPS, เซ็นเซอร์ต่าง ๆ, ไมโครโฟน ฮาร์ดแวร์ชิ้นอื่น ๆ ตลอดจน Push Service (Notification)

และสุดท้ายคือ Third Party Apps หรือแอปฯ ต่าง ๆ จากนักพัฒนาภายนอก ซึ่งก่อนหน้านี้ AppGallery มีแต่แอปฯ ของนักพัฒนาชาวจีน (ก็ไม่มี Google Mobile Service ให้ใช้ตั้งแต่แรก) แต่เมื่อสถานการณ์ขึ้นไปถึงระดับ Global Huawei จึงต้องออกประกาศเชิญชวนนักพัฒนามาร่วมทำแอปฯ บน AppGallery โดยใช้ HMS เป็น API ติดต่อแทน GMS ที่ใช้กันเป็นประจำอยู่เดิม ซึ่งหลังจากการเปิดตัวของ Mate 30 Series ไป ก็เริ่มมีแอปฯ จากนักพัฒนาภายนอกทยอยลงมาให้บริการกันเป็นจำนวนมาก ยกเว้นแค่แอปฯ ที่พัฒนากันในสหรัฐอเมริกา เช่น Facebook, Twitter, Instagram, Netflix เป็นต้น

สำหรับประเทศไทยเองก็มีแอปฯ ใหญที่เราใช้กันบ่อยทยอยขึ้นมาอยู่บน AppGallery แล้วเป็นจำนวนไม่น้อย ตัวอย่างเช่น True ID, Line, Grab, Shopee, KPLUS, TMB Touch, TrueMoney Wallet, Wongnai, JD Central, one31, CH3Thailand, Mello, MONO MAX, Lazada, AIS Play รวมถึงแอปฯ เฉพาะของเครือข่ายอย่าง My AIS, AIS Next G, dtac, True iService ก็มีให้ใช้งานแล้วบน AppGallery เช่นกัน

ในอนาคต Huawei จะพัฒนาบริการ HMS ให้ดียิ่งขึ้นไปอีกโดยใช้แนวทางเดียวกับการพัฒนา AI และอุปกรณ์ต่าง ๆ ของทั้ง Huawei และพันธมิตร จะสามารถเชื่อมถึงกันได้ทั้งหมดผ่าน HMS ไม่เว้นแม้แต่การทำให้สมาร์ทโฟนกลายเป็น “กุญแจรถ” ที่ดูจะทะเยอทะยานไปหน่อย แต่ Huawei จะร่วมมือกับพันธมิตรคือ Volvo ทำให้มันสำเร็จและเป็นจริงได้

ฉะนั้นในแง่การใช้งาน นอกจาก Social Network และ Netflix ตลอดจนบริการของสหรัฐฯ ทั้งหมดแล้ว อย่างอื่นก็สามารถใช้งานกันได้ตามปกติ เรียกว่าน่าจะทดแทนกันได้ถึง 90% ของจำนวนแอปฯ ที่มีอยู่ทั้งหมดบน Google Play

แต่ถ้าวันใดที่ จีนกับสหรัฐฯ ยุติสงคราม และ Huawei กับ Google ตกลงกันได้ เพียงข้ามคืนก็จะมีอัพเดต GMS ออกมาให้ใช้งานกันตามปกติครับ (แต่ตอนนี้ก็ฝากชีวิตไว้กับ HMS ก่อนละกัน)

 

ตัวเครื่องที่ “คิดใหม่ทำใหม่” ยกกระบะ

Huawei Mate 30 Pro ถือเป็นมือถือตัวแรกของ Huawei ที่คิดใหม่ทำใหม่ทุกกระเบียดนิ้ว ตั้งแต่การออกแบบกล้องด้านหลัง สัดส่วน ความโค้งมน รวมถึงเทคโนโลยีต่าง ๆ ก็ถูกพาเหรดลงมาที่ Mate 30 Pro ตัวนี้ เพื่อให้มันเป็นสมาร์ทโฟนที่สมบูรณ์ที่สุด สมกับความเป็น Innovator ที่ Huawei ทำมาตลอดกับซีรีส์ Mate

Mate 30 Pro มาพร้อมกล้อง SuperSensing CineCamera 4 กล้อง บนดีไซน์ Halo Ring สวยงาม ประกอบไปด้วยกล้อง UltraWide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล บนเซ็นเซอร์ RGGB สัดส่วน 3:2 เทียบเท่ากล้องคอมแพกต์และกล้อง DSLR, กล้อง Wide ความละเอียด 40 ล้านพิกเซล บนเซ็นเซอร์ RYYB แบบเดียวกับ P30 Pro, กล้อง Telephoto ความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้อง 3D Depth Camera รองรับการถ่ายภาพแบบมืออาชีพทุกรูปแบบ ตลอดจนรองรับการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เสริมภายนอก เช่น แฟลชสตูดิโอ หรือ Gimball ถ่วงน้ำหนัก

ตัวอย่างภาพถ่ายจาก Huawei Mate 30 Pro

ฟีเจอร์เด่นประจำรุ่นรอบนี้คือความสามารถในการถ่ายวิดีโอที่จัดเต็มบนเซ็นเซอร์ RGGB ด้วยการถ่ายวิดีโอความละเอียด 4K 60 เฟรม รองรับการถ่ายวิดีโอแบบหน้าชัดหลังเบลอ รองรับ HDR ตามมาตรฐาน HDR10+ และถ่าย Slo-mo ได้ช้าสุด ๆ ถึง 7680 เฟรมต่อวินาที

ดีไซน์หน้าจอตัวเครื่องเป็นมาตรฐานใหม่ที่เรียกว่า Huawei Horizon Display เป็นหน้าจอ Flex OLED กว้าง 6.53 นิ้ว รองรับความกว้างสีแบบ DCI-P3 สามารถลดแสงสีฟ้าได้สูงถึง 25% ตัวขอบ Edge โค้งลง 88 องศาพร้อมด้วยฟีเจอร์ SideTouch เพื่อใช้ทดแทนปุ่มด้านข้าง โดยผู้ใช้สามารถกำหนดได้ว่าจะให้ด้านข้างเป็นปุ่มอะไร เช่นอยู่ในโหมดกล้อง สามารถลากชัตเตอร์ขึ้นมาไว้บนขอบข้างเพื่อใช้แทนได้เลย

ด้านสเปคเครื่อง Huawei Mate 30 Pro มาพร้อมกับชิปเซ็ตรุ่นล่าสุด Kirin 990 5G ซึ่งถือเป็นชิป 5G Gen 2 ที่จะปลดล็อกให้ตัวเครื่องสามารถใช้งาน 5G ได้ทันทีบนทุกย่านความถี่ที่มีในโลก สามารถทำความเร็วดาวน์โหลด (บนเครือข่าย China Mobile 5G) ได้สูงถึง 16xx Mbps ซึ่งสูงกว่า Galaxy Note 10+ 5G ถึง 50% ตัวเครื่องยังมาพร้อมกับ EMUI 10 บน Android เวอร์ชันล่าสุด ที่มาพร้อมกับความลงตัวในการใช้งานที่มากกว่าที่เคยผ่านเซ็นเซอร์ Gesture ที่จะคอยควบคุมระบบ อาทิ Smart Gesture ที่ใช้ท่าทางสั่งการทำงานตัวเครื่องได้, Smart Rotate ที่จับสายตาของเราและหมุนหน้าจอไปในทิศทางเดียวกับสายตา และยังมีระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ได้แก่ In-screen Fingerprint และ 3D Face Camera

 

ราคาและการวางจำหน่าย

สำหรับในประเทศไทย Huawei Mate 30 Pro จะวางจำหน่ายในเวอร์ชัน 4G สเปคแรม 8 GB ความจุ 256 GB เพียงรุ่นเดียว ที่ราคา 28,990 บาท โดยมาพร้อมกับการรับประกันตัวเครื่อง 2 ปี และรับประกันหน้าจอแตก 90 วัน โดยจะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน เป็นต้นไป ที่ตัวแทนจำหน่าย Huawei ที่ร่วมรายการ

พิเศษ สำหรับลูกค้าที่สนใจสามารถสั่งจองเครื่องล่วงหน้าพร้อมรับฟรี DJI OSMO Mobile 3 มูลค่า 4,090 บาท ได้ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ และพิเศษกว่าสำหรับลูกค้า AIS และ dtac รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 10,000 บาท พร้อมรับ DJI OSMO Mobile 3 ฟรีทันที เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็คเกจที่ร่วมรายการ และสำหรับลูกค้า TrueMove H รับส่วนลดค่าเครื่องสูงสุด 10,000 บาท พร้อมรับ DJI OSMO Mobile 3, แท่นชาร์จไร้สาย Belkin Wireless Charger มูลค่า 2,490 บาท และรับสิทธิ์เป็นสมาชิก True BlackCard ฟรี 1 ปี เมื่อซื้อเครื่องพร้อมสมัครแพ็คเกจที่ร่วมรายการ และใช้ True Point เป็นส่วนลด 5,000 คะแนน (คิดเป็นมูลค่าส่วนลด 1,500 บาท)

คณะแกดกวน #teamgadguan

อริญชย์ ชวะโนทัย (iBehemortHz)

เด็ก ป.โท ผู้สนใจในโลกดิจิทัลและสังคม และคอยเฝ้ามองการเปลี่ยนแปลงผ่านสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า "หน้าจอ" :)