เวลาอยู่กับอะไรนาน ๆ สิ่งที่เกิดขึ้นในระหว่างทาง เป็นประสบการณ์หล่อหลอม ทำให้เราเป็นคนแบบนั้น ๆ หลายครั้งที่ เราเป็นคนที่ไม่ดีในบางเรื่อง เป็นคนที่ดีในบางเรื่อง หากคน ๆ นั้น เป็นคนที่คิดดี ทำดี เป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ในท้ายที่สุดแล้ว ผลของการกระทำ จะให้คำตอบเองว่า สิ่งที่ทำไปนั้น ถูกต้องหรือไม่ จะว่าไปแล้ว Samsung ก็เหมือนคนทุกคน ที่ประสบการณ์ ได้หล่อหลอมตัวตนให้เค้ามาถึงวันนี้ได้ หลายครั้งที่หลง ๆ งง ๆ ไปบ้าง แต่ผมก็หวังเสมอว่า Samsung จะทำสินค้าที่ดี ออกมาดีอย่างที่ควรจะเป็นได้ซะที จนกระทั้งได้จับ Galaxy S20 Ultra
โอเคแหละ หน้าตาเนี่ย ผมยอมรับเลยนะ รับไม่ค่อยลง ไม่ถูกใจมากนะ แต่พออยู่ในมือ ลองไถเล่นเท่าที่นึกออกว่าจะลองอะไร มันให้อารมณ์แบบ…นี่เพื่อนเราเปลี่ยนนิสัยเป็นคนใหม่จริง ๆ ด้วย (จริง ๆ จะใช้อีกคำก็แรงไปหน่อย) เอาเป็นว่า 10 นาทีที่ยืนเล่น เป็น 10 นาที ที่ทำให้ผมลืมนิยามส่วนตัวที่มีต่อ Galaxy S ไว้ว่า “มือถือหน้าตาโหล แถมพ่อไม่ค่อยจะรัก” ไปชั่วขณะ
10 นาทีที่ว่า คือแบบนี้ครับ…
Galaxy S20 Ultra "5G"

เริ่มที่รุ่นประจำปีที่ 11 ของ Galaxy S ถือซะว่าขึ้นศักราชใหม่ เลยปรับเลขรุ่นสร้อยด้านหลังจาก 10 เป็น 20 รอบนี้รุ่นที่ทำตลาดทั้งตระกูล มี S20 / S20+ และ S20 Ultra ซึ่งทั้งปีนี้ Samsung แยกออกเป็นรุ่นที่รองรับ 4G กับ 5G โดยสำหรับประเทศไทย เราได้รุ่น 4G ขายสำหรับ S20 และ S20+ และรุ่น 5G ของ S20 Ultra ไปขาย โดยสเปกเด่นของ S20 Series ทั้งหมดมีดังนี้
S20 Ultra 5G
- ชิปประมวลผล Exynos 7 นาโนเมตรแบบ 5G รุ่นใหม่ล่าสุด “รองรับ 5G ทั้งโหมด NSA และ SA ทั้งคลื่น Sub-6 และ mmWave”
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ใหญ่ 6.9 นิ้ว แบบ Infinity-O Display ความละเอียดสูงสุด QuadHD+ รองรับ HDR10+ อัตรารีเฟรซสูงสุด 120 Hz (เมื่อใช้ความละเอียด FHD+)
- กล้องหลัก 108 ล้านพิกเซล+12 ล้าน UltraWide 120 องศา+48 ล้าน Telephoto พร้อมความสามารถ Space Zoom 100 เท่า+DepthVision / กล้องหน้า 40 ล้าน
- แบตเตอรี่ 5000 mAh รองรับ Fast Charge และ Fast Wireless Charging 2.0
- รุ่นที่ขายในไทย ใช้แรม 12 GB มีหน่วยความจำ 128 GB สามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB
- ชิปประมวลผล Exynos 7 นาโนเมตรรุ่นใหม่
- หน้าจอ Dynamic AMOLED 2X ใหญ่ 6.2 (S20) / 6.7 (S20+) นิ้ว แบบ Infinity-O Display ความละเอียดสูงสุด QuadHD+ รองรับ HDR10+ อัตรารีเฟรซสูงสุด 120 Hz (เมื่อใช้ความละเอียด FHD+)
- กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล Super Speed Dual Pixel AF + 12 ล้าน UltraWide 120 องศา+64 ล้าน Telephoto (+DepthVision เฉพาะ S20+) / กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 4000 (S20) / 4500 (S20+) mAh รองรับ Fast Charge และ Fast Wireless Charge 2.0
- รุ่นที่ขายในไทย “เป็นรุ่น 4G” ใช้แรม 8 GB มีหน่วยความจำ 128 GB สามารถเพิ่ม MicroSD ได้สูงสุด 1TB

สัมผัสแรกที่ได้จับ ถ้าเป็น S20 กับ S20+ เครื่องให้อารมณ์เบาแบบสมัย S8-S9 นั่นคือเบาเหมือนไม่ได้ใส่อะไรให้แน่นมาก แต่ถึงจะเบาแบบลอย ๆ แต่งานประกอบโดยรวม ไม่ได้มีจุดที่ไม่เรียบร้อยอะไร ขนาดเข้ามือได้ดีมาก จุดนี้ถือว่า Samsung รักษาความเก่งแบบนี้ตั้งแต่ S8 ได้ดีมาโดยตลอด แต่ S20 Ultra กล้บให้ความรู้สึก หนักไปนิด แบบที่ทำให้ Note 10+ ที่ใส่เคสขาตั้ง กลายเป็นเบาไปเลย แต่หนักระดับที่รู้สึกไม่ดีไหม ถ้าคนที่เน้นความหนักเบาของเครื่อง S20 Ultra จะรู้สึกถ่วงมือเป็นพิเศษ ในขณะที่ S20 / S20+ ดูลอยจากมือมากกว่า มาที่หน้าจอกันบ้าง การใช้หน้าจอแบบ Infinity-O แนวเดียวกับ Note 10 Series แต่ขอบกล้องเล็กกว่า ทำให้ตอนใช้ แย่งซีนเวลามองได้ดีขึ้นกว่า Note 10 แต่สิ่งที่น่าขัดใจที่สุดของหน้าจอ คือขอบจอ เพราะในเมื่ออยากทำมือถือจอเต็ม พยายามลบขอบจอ แบบจำยอมให้กล้องหน้าอยู่ในพื้นที่จอทั้งที ขอละ…ขอบจอด้านล่าง ช่วยบางให้เท่าขอบจอบนและขอบจอด้านข้างที มันไม่สวย แถมลดราศีคุณค่าของคำว่า “รุ่นท็อป” ไปมากด้วย
ถึงจะน่าขัดใจกับขอบจอ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผมดีใจยิ่งกว่า นั้นคือทำให้นวัต(เวร)กรรม ของกระจกหน้าจอแบบ Edge ถือใช้งานได้ โดยไม่ก่อปัญหาอุ้งมือไปสัมผัสขอบหน้าจอโดยไม่ตั้งใจ ความโค้งลงของกระจกด้านข้าง ถือว่ามีแบบพอเป็นพิธี ให้รู้ว่า “ฉันไม่ใช่กระจกหน้าจอแบบ 2.5D ที่แบรนด์อื่นเค้าเป็นกันนะ” แต่ก็ไม่โค้งจนสร้างภาระในการถือใช้งานอย่างที่ประวัติศาสตร์กระจก Edge เป็นมาก่อน เอาเป็นว่า ผมจะไชโยดีใจยิ่งกว่านี้ ตอนเครื่องมาอยู่ในมือ แล้วใช้งานกันยาว ๆ แล้วพบว่า ไม่สร้างความน่ารำคาญได้จริงอย่างสัมผัสแรกที่ประทับใจตอนนี้

กล้องถ่ายรูปที่เป็นจุดขายในรอบนี้ เริ่มที่ Space Zoom 100X แบบดิจิทัล อันนี้ต้องบอกกันตรง ๆ ว่า ถ้าไม่ใช้ขาตั้งกล้อง รวมถึงตอนลั่นชัตเตอร์ที่ต้องแตะอย่างแผ่วเบา มันให้การตอบสนองเหมือนกับการเปิดซูม 50X ใน Huawei P30 Pro นั่นละครับ ถือในมือแล้วสั่นเป็นคลื่น กลั้นหายใจก่อนกดชัตเตอร์ก็ใช่ว่าจะได้รูปที่ต้องการ ถึงมีตัวไกด์ตำแหน่งภาพรวมมาให้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยได้มากเท่าที่ควรรอบนี้ S20 Ultra มาพร้อมกับ Zoom แบบ Optical 5X ให้ แต่ทว่าเครื่องที่จัดแสดงมีการซูมที่ยังไม่ลื่นไหล จับ Focus และคำนวณ White Balance ค่อนข้างเพี้ยนไปมาก น่าจะแก้ด้วย Software ในอัพเดทถัด ๆ ไปได้


อย่างสุดท้ายที่ขอลองแบบน้ำจิ้ม ๆ คือการถ่ายวีดีโอ 8K ถือเป็นมือถือรุ่นแรกของโลก ที่ถ่ายวีดีโอความละเอียด 8K ได้ โดยการถ่ายหนึ่งนาทีเพื่อดูอาการว่าเครื่องรับไหวแค่ไหน พบว่าเวลาเปลี่ยนมุมในการ Focus มีอาการกระตุกเพื่อปรับการ Focus ใหม่ และหลังถ่ายเสร็จ เครื่องค่อนข้าง “ร้อน” ฉะนั้นแล้ว กับการเป็นก้าวแรก จุดไหนปรับปรุงด้วย Software ได้ จัดไปเลยนะครับ

โดยสรุปแล้ว เรื่องของสเปคเครื่อง ถ้าอยากได้ไส้ในใหม่หมดจริง ๆ ก็ต้อง S20 Ultra หน้าตาเครื่องผมให้เป็นรุ่นที่ยังใช้เวลาในการมอง เพราะผมให้ S9 สวยลงตัวแบบทั้งเครื่องมากกว่า S10 / S20 อยู่ และในเวลา 2 อาทิตย์ก่อนเครื่องวางขาย ขอให้ไล่ปรับปรุง Software ให้สมบูรณ์ที่สุด เพราะเครื่องที่โชว์อยู่ เล่นแล้วเห็นเลยว่า มีอย่างละนิด อย่างละหน่อย ที่สามารถปรับปรุงให้ลงตัวก่อนขายจริงได้ แต่อารมณ์รวม ๆ ท้ายสุด ผมรู้สึกเหมือนได้คุยกับเพื่อนที่ปรับปรุงตัว หลังจากที่บ่นนิสัยเสีย หรือจุดที่ควรแก้ไขมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา แล้วตอนนี้ เพื่อนที่รู้จักกันมา ก็เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นซะที
เอาละ ยังมีไฮไลท์อีกตัวที่ต้องไปดูกัน นั่นคือ…
Galaxy Z Flip

หลังจากส่ง Fold ออกมาขายได้แบบปลอดภัย แถมยอดขายเมื่อเทียบกับราคาเครื่อง ก็ต้องถือว่าดีกว่าที่คาดไปพอสมควร หากว่ากันแล้ว Galaxy Fold เปรียบเสมือนแนวคิดการทำ Tablet ให้พกได้ มากกว่าจะเป็น Smartphone ที่พกได้ แต่ Samsung ยังไม่มีมือถือจอพับ ที่ให้อารมณ์พก Smartphone จอใหญ่แบบไม่เกะกะกระเป๋า และนั่นคือ Galaxy Z Flip สำหรับสเปกหลัก ๆ ที่น่าสนใจมีดังนี้
- ชิปประมวลผล Exynos 7 นาโนเมตร ตัวใหม่
- หน้าจอหลัก Dynamic AMOLED ใหญ่ 6.7 นิ้ว แบบ Infinity Flex Display พร้อม Ultra Thin Glass (โพลีเมอร์+พลาสติกผิวสัมผัสแบบกระจก) ความละเอียด 2636×1080 พิกเซล ความละเอียดต่อจุด 425ppi / หน้าจอรอง 1.1 นิ้ว ความละเอียด 300×112 พิกเซล ความละเอียดต่อจุด 301ppi
- กล้องหลัก 12 ล้านพิกเซล Super Speed Dual Pixel AF + 12 ล้าน UltraWide 120 องศา / กล้องหน้า 10 ล้านพิกเซล
- แบตเตอรี่ 3300 mAh แบบ Dual Battery รองรับ Fast Charge
- รุ่นที่ขายในไทย “เป็นรุ่น 4G” มาพร้อมแรม 8 GB และพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน 256 GB

ตอนเห็นในข่าวลือ มันเป็นมือถือที่ดูตลก เทียบกับ Motorola Razr ที่หน้าตารวม ๆ Sexy กว่ามาก พอมาเจอของจริง มันดูดีกว่าที่เห็นในภาพมากกกก ขนาดเหมือนตลับแป้งพัฟมาตรฐานหนึ่งตลับ สีตัวเครื่องแบบเงา ดูแล้ว เป็นมือถือเน้นเจาะกลุ่มสุภาพสตรีเอามาก ๆ เพราะสีม่วงที่โปรโมท ดูสวยสง่า เงาวับ จนคำว่า “ของมันต้องมี” ลอยมากับคนถือในภาพนี่แหละครับ

หน้าตาเครื่องตอนพับ ไม่มีรายละเอียดอะไรเป็นพิเศษ มีเพียงหน้าจอเล็ก ๆ ที่อยู่ข้างกล้องถ่ายรูป Samsung เรียกจอนี้ว่า Glance Display ความพิเศษของมันคือ หากมีสายเข้า ให้แตะก่อน แล้วเปิดฝา เพื่อรับสายได้เลย เพราะถ้าไม่แตะก่อน เปิดฝามา จะเท่ากับมีตัวเลือกว่า จะรับสาย หรือส่งข้อความแทนการรับสาย หากมีข้อความเข้า หรือ LINE เข้า แตะที่จอเล็ก แล้วเปิดฝา จะเป็นการโดดเข้าไปคุยต่อในข้อความ หรือ App Chat นั้น ๆ ให้เลย รวมถึงใช้แสดงเวลา วันที่ สถานะแบตเตอรี่ของเครื่องได้

กลไกลการพับเหมือนกับ Fold ฉะนั้นแล้ว ใครที่ชอบมือถือฝาพับในสมัยก่อน แล้วหวังว่าจะสะบัดเปิดฝาเท่ห์ ๆ แบบที่เคยทำได้ ทำไม่ได้กับ Z Flip ครับ เพราะน้ำหนักกลไกทำมาสู้มือแบบพอสมควร แต่ไม่หนักจนถึงขั้น เอานิ้วโป้งสอดเข้าระหว่างกลางเพื่อดันฝาออกจากตัวไม่ได้เลย ฉะนั้น ความเป็นฝาพับ ก็เป็นฝาพับแบบจริง ๆ ถือมือเดียว แล้วเอานิ้วโป้งดันให้เปิดจนสุดก็ทำได้ เมื่อเปิดสุด จะได้หน้าจอขนาด 6.7 นิ้ว สัดส่วน 21.9:9 แบบเดียวกับโรงภาพยนตร์ (21:9) เมื่อถือในแนวตั้ง ความกว้างของจอที่ค่อนข้างแคบ บวกกับผิวสัมผัสหน้าจอที่อยู่ต่ำกว่าขอบเครื่อง ทำให้การพิมพ์ ไถ ใช้งานมือเดียว ง่ายมาก มากจนมั่นใจว่า โหนรถไฟฟ้า แล้วพิมพ์ น่าจะคล่องตัวสุด ๆ แถมเครื่องตอนเปิดจอเต็มมาใช้ ทรงดูยาว ๆ แบบนี้ ให้อารมณ์เหมือนมือถือจอพับจากฝั่งญี่ปุ่น มากกว่าเป็นมือถือจอพับยุค 2G แบบที่เรา ๆ เคยใช้กัน

ผิวสัมผัสหน้าจอด้านใน เป็นพลาสติกใสแบบพับได้ ที่มีชั้นฟิล์มโพลิเมอร์ปะทับอีกชั้นแบบเดียวกับ Fold เท่าที่พยายามแตะ กด จิก หรือขยี้หน้าจอลงไป หน้าจอให้ความแข็งแรงที่ดีมาก กดแรง ๆ แบบกะให้เนื้อผิวสัมผัสหน้าจอไปกระทบกับเนื้อหน้าจอจนเป็นคลื่น แต่ความพยายามดังกล่าวก็ไม่เป็นผล หน้าจอแข็งแรง ให้สัมผัสในการแตะ ลาก ไถ ดีเหมือนใช้กระจกจริง ๆ รอยพับทำมาเรียบร้อย มีเส้นพับที่รับได้ มองเห็น แต่ไม่ให้ความรู้สึกว่า ดูไม่ดีหรือน่าเกลียด เมื่อจอติดให้ใช้งาน ก็ให้มุมมองหน้าจอที่คมชัดดีมาก ถือว่าการใช้งานจริง หน้าจอพับของ Z Flip ไม่น่าเป็นอะไรไปง่าย ๆ ตลอดอายุการใช้งาน 1-2 ปีต่อจากนี้

ด้วยความที่จอพับได้ การพับครึ่งเดียว แล้ววางบนฝ่ามือ หรือบนโต๊ะ ระบบสามารถจัดหน้าจอ App ให้ทำงานครึ่งเดียวได้ เราจึงได้เห็นการถ่ายรูปด้วยท่าถือตลับแป้ง ถ้าคิดไม่ออก ให้ดูภาพยนตร์เรื่อง Mission Impossible ภาค 3 ในฉากที่วาติกัน สายลับในทีมพระเอก ใช้ตลับแป้งถ่ายรูปผู้ร้ายเพื่อเอาไปสแกนทำหน้ากากปลอมตัว แบบนั้นแหละครับ เหมือนการใช้งานครึ่งจอของ Z Flip ซึ่งในการทดลองคร่าว ๆ ตอบสนองการแสดงผลแบบครึ่งจอได้ดี ทำงานได้ไว โดยเมื่อเครื่องถูกพับครึ่งแบบที่เอาไปวางบนโต๊ะแล้วสมดุลแน่นอน ระบบจะปรับการแสดงผล App ในหน้าจอให้เหมาะสมกับการมองเห็นครึ่งจออัตโนมัติทันที

โดยสรุปแล้ว เป็นความประทับใจแรกที่รู้สึกได้ว่า Z Flip เข้าถึงง่ายกว่า Fold จริง ๆ ดูใช้งานจริงได้มากกว่า รวมถึงแบ่งแนวได้ชัดเจนเลยว่า “นี่คือโทรศัพท์จอพับ” จริง ๆ ไม่ได้ให้อารมณ์เป็น Tablet ที่โทรได้มาพับจอแบบ Fold ฉะนั้นแล้ว ราคาเปิดตัว 44,990 บาท มองว่าแพง ถ้าเอาไปเทียบกับ Smartphone แต่ไม่แพงเลย สำหรับการซื้อประสบการณ์ใช้งานที่แตกต่าง รวมถึงราคานี้ ดูจะจุดตลาดให้ติดได้ง่ายขึ้นกว่าเดิมด้วย
ถึงเวลาขาย~

ใครที่สนใจทั้ง S20 Series หรือ Z Flip ก็มีรายละเอียดการวางจำหน่ายดังต่อไปนี้ครับ
Galaxy Z Flip
Galaxy Z Flip จะวางจำหน่ายล็อตแรกในไทย 200 เครื่อง ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์นี้ (รายละเอียดเพิ่มเติม ติดตามได้จากเฟซบุ๊กแฟนเพจ Samsung Thailand) และจะวางจำหน่ายตามช่องทางปกติในวันที่ 6 มีนาคมนี้ ในราคาจำหน่าย 44,990 บาท มีให้เลือกสองสี คือสีม่วง Mirror Purple และสีดำ Mirror Black
Galaxy S20 Series
Galaxy S20 Series จะแบ่งรุ่นจำหน่ายดังต่อไปนี้
- Galaxy S20 : วางจำหน่ายเป็นรุ่น 4G แรม 8 GB ความจุ 128 GB ที่ราคา 28,900 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ Cosmic Grey, Cloud Blue และ Cloud Pink
- Galaxy S20+ : วางจำหน่ายเป็นรุ่น 4G แรม 8 GB ความจุ 128 GB ที่ราคา 31,900 บาท มีให้เลือก 3 สี คือ Cosmic Black, Cosmic Grey และ Cloud Blue
- Galaxy S20 Ultra 5G : วางจำหน่ายเป็นรุ่น 5G ตามชื่อ มาพร้อมแรม 12 GB ความจุ 128 GB ที่ราคา 39,900 บาท มีให้เลือก 2 สี คือ Cosmic Black และ Cosmic Grey

ป.ล. Galaxy Buds+ สวยมาก แต่จัด Display ชวนเสียวอนาคตดับเหมือนเดิม….