นาฬิกาข้อมือ…
หนึ่งในของที่ขาดไม่ได้สำหรับหลายคน บางคนก็ไม่สนใจจะใส่เลย สำหรับผม คือพวกแรก ถ้าออกไปทำงาน ทำธุระ แล้วผมลืมใส่นาฬิกาข้อมือออกจากบ้าน ผมจะรีบกลับบ้านไปเอามาใส่ (ถ้ายังไม่ได้ไปไกลจากบ้านมากนัก) นาฬิกาข้อมือ ทำให้ผมรู้สึก “มั่นใจ” รู้สึกข้อมือไม่ว่างเกินไป รวมถึงการได้ใส่นาฬิการุ่นเด็ด ๆ ก็ยอมรับครับว่า “อวดของ” นั่นแหละ โดยที่เรื่องการดูเวลา เป็นจุดประสงค์รองลงไป
แต่พอยุค Wearable เกิดขึ้น กำไลเอย นาฬิกาเอย แว่นตาเอย สร้อยเอย แล้วสุดท้าย นาฬิกาคืออุปกรณ์ที่เข้าถึงคนส่วนมากที่สุด ผ่านการเกลาหน้าตาให้ไปในทาง “แฟชั่น” ผสานความสามารถ ให้เป็นทั้ง “สุขภาพ” “เครื่องบอกเวลา” “จอที่สองของโทรศัพท์มือถือ” จากที่ขายได้แค่คนเล่น Gadget ก็ค่อย ๆ เข้าถึงคนทั่วไป ซื้อมาแล้ว ใส่สลับกับนาฬิกาที่เคยใส่ ใส่เป็นนาฬิกาเรือนแรก ทั้งที่ปกติไม่เคยใส่นาฬิกาข้อมือ หรือทำให้นาฬิกาข้อมือแบบอ่านเวลาอย่างเดียว โดนวางลืมหรือแอบตกงานไป
ตลอด 3-4 ปี ที่นาฬิกา Smart Watch ขายในวงกว้างมากขึ้นนั้น พอจะแยกแนวทางได้สองฝั่งหลัก ๆ ฝั่งหนึ่งจะเป็นเพื่อการกีฬา การออกกำลังกาย แบบที่หน้าตาจะให้อารมณ์ ”เสื้อผ้ากีฬา” อีกฝั่งหนึ่งจะเป็นแนวแฟชั่น แต่ความสามารถเพื่อการออกกำลังกายก็ยังมีอยู่ อาจทำได้ใกล้เคียง หรือแค่มีพอเป็นพิธี เรื่องที่ไม่น่าเชื่อคือ ผมเคยคิดว่า Smart Watch ที่หน้าตาแฟชั่นหน่อย จะทำยอดขายโดยรวมได้ดีกว่าฝั่งเพื่อการกีฬา แต่เอาเข้าจริงแล้ว ไม่ว่าจะมาจากฝั่งไหน แต่มันก็กลายเป็นนาฬิกาที่ใส่ได้ทุกเวลาไปเรียบร้อย
ถ้านับแค่ฝั่งแบรนด์ IT ที่ทำ Smart Watch ออกมาขาย มีบางเจ้าทำสำเร็จ ติดตลาด ครองตลาดในทางที่ตั้งไว้ชัดเจน บางเจ้าก็ยังสู้ต่อไป บางเจ้าก็ยังหาตัวเองไม่เจอ ลองแล้วเล่าครั้งนี้คือ Honor Magic Watch 2 น้องพี่ที่รัก ที่น่าสนใจเป็นพิเศษเลยว่า นาฬิกาคนพี่ Huawei Watch GT แจ้งเกิดรุ่นแรกไว้ดีมาก ขายดี ของมาคือหมด รุ่น 2 ก็ยังไปได้อยู่ การได้ลองนาฬิกาน้อง ก็เหมือนได้รู้จักคนพี่ไปในตัว เพราะทั้งคู่แทบจะเหมือนกัน ต่างกันแค่รายละเอียดบางอย่าง ฉะนั้นแล้ว การได้ลอง Magic Watch 2 ก็เหมือนได้ลอง Watch GT 2 ไปในตัว
ที่แน่ ๆ ผมเข้าใจเลยว่า ทำไม Huawei Watch GT แจ้งเกิดได้ และรุ่น 2 จะสานต่อความสำเร็จนี้ได้ดีแค่ไหน เลื่อนลงมาดูกันได้เลยครับ
ส่องรอบตัว
สายนาฬิกาเปลี่ยนตัวเองได้ โดยด้านในสาย จะมีสลักแบบใช้เล็บจิกลง เมื่อใส่สายใหม่กลับเข้าไป ให้เอาด้านที่ไม่มีสลักใส่เข้าก่อน แล้วกดสลักค้างไว้ พอสายเข้าล็อค ปล่อยสลัก สายกับตัวเรือนจะประกอบโดยสมบูรณ์เอง
น้ำหนักตอนขึ้นข้อมือ เบากว่าขนาดตัวที่เห็นมาก ถ้าไม่คิดอะไร ก็คือนาฬิกาที่ใส่ได้สบายข้อมือ แต่ถ้าจะให้ดี มีน้ำหนักสู้ข้อมือเล็กน้อย จะทำให้ตัวเรือนดูมีความแพงมากขึ้น และสำหรับสายนาฬิกา สายหนังที่ให้มา ผิวสัมผัสอาจไม่ได้หรูเนียน แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนของถูกเกินไป ใส่ใช้งานจริงได้นุ่มข้อมือ กำลังดี เวลาล้างมือแล้วน้ำกระเซ็นมาโดน หนังไม่อมน้ำหรืออับ ส่วนสายยางที่ให้มา เป็นยางที่ใส่ลุยได้จริง สัมผัสเนียนมือ ไม่รู้สึกหนืดหรือสากมือ ต่อให้ออกกำลังกายจนเหงื่อท่วม ยางไม่ลื่น ไม่คัน เก็บกลิ่นนิดหน่อย แต่ล้างน้ำดี ๆ ก็หาย ถึงการเปลี่ยนสายด้วยระบบสลักเล็บจิก ที่ต้องใช้สมาธิเป็นพิเศษเวลาจะเปลี่ยนสาย แต่วัสดุหนังกับยางที่หุ้มข้อมือตลอดเวลาที่ได้ลองใส่ ก็ทำให้ผมพอจะให้อภัยไปได้บ้าง และถ้าเทียบกับ Smart Watch ที่แพงกว่า สายหนังกับยางของแบรนด์อื่นที่แพงกว่า แอบทำได้ดีไม่เท่าด้วยซ้ำ
โดยรวมแล้ว หน้าตาตัวเรือน ไม่ติดเลย สวย ดูดีจริง วัสดุ งานประกอบ ทำมาได้ดูดี ถ้าจะให้สมบูรณ์แบบ แค่เก็บรายละเอียดงานออกแบบเพิ่มอีกหน่อย ทำฝาหลังให้สวยรับกับเรือน และหาวิธีเปลี่ยนสายให้สะดวกกว่านี้ แค่สามประเด็นนี้ Honor Magic Watch หรือ Huawei Watch GT ในรุ่นถัดไป จะดูดีแบบครบทุกด้านแน่นอน
ลองใช้งานจริง
การใช้งาน Honor Magic Watch 2 เชื่อมต่อครั้งแรกผ่าน Bluetooth โดยใช้ App ชื่อ Huawei Health เป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อนาฬิกากับ Smartphone ที่ใช้งาน ใช้งานได้ทั้ง iOS กับ Android สำหรับ iOS เชื่อมต่อผ่าน App แล้วไปกดเชื่อมต่อใน Settings->Bluetooth ของเครื่องซ้ำอีกที (ชื่อนาฬิกาที่เชื่อมต่อจะซ้ำสองชื่อ ซึ่งไม่มีปัญหาอะไร) ในส่วน Android สามารถเชื่อมต่อโดยตรงกับ Huawei Health ได้โดยตรง ทั้งนี้ หากเป็นมือถือ Huawei สามารถโหลดจาก App Gallery โดยตรงได้เลย แต่ถ้าเป็น Android ยี่ห้ออื่น ต้องโหลด APK ของ Huawei App Gallery มาติดตั้งก่อน แล้วลง HMS Service ลงไป เพื่อให้โหลด Huawei Health เวอร์ชั่นล่าสุดมาใช้งานกับมือถือได้ (เพราะแอปฯ ใน Google Play Store หยุดการอัพเดทมาสักพักใหญ่ ๆ แล้ว) และเมนูในนาฬิกา จะใช้ภาษาเดียวกับที่ใช้ในมือถือโดยอัตโนมัติ
การควบคุมนาฬิกา ใช้การสัมผัสหน้าจอ ปุ่มนาฬิกามีสองปุ่ม ปุ่มบนคือปุ่มเมนูหลัก รวมถึงกดกลับมาหน้าปัดนาฬิกา ปุ่มด้านล่างสำหรับตั้งเมนูลัดที่เราชอบใช้ประจำ โดยค่ามาตราฐานจากโรงงาน คือปุ่มสำหรับเข้าเมนูออกกำลังกาย หน้าจอสัมผัสของนาฬิกา ใช้การปัดขึ้นกับปัดลง ในการเลือกเมนูหลักหรือเมนูย่อย ถ้าเข้าไปแล้ว จะถอยกลับ ให้ปาดหน้าจอจากซ้ายไปขวา หรือเข้าเมนูอะไรก็ตาม กดปุ่มด้านบนหนึ่งที คือการกลับมาที่หน้าปัดนาฬิกา
ระบบการแจ้งเตือนของนาฬิกา แสดงผลตัวอักษรแบบตัดกรอบสี่เหลี่ยม อาจจะตัดคำไม่เรียบร้อยไปบ้าง แต่สามารถดูการแจ้งเตือนทั้งหมดที่เข้าโทรศัพท์แบบคร่าว ๆ และล้างการแจ้งเตือนทั้งหมดเมื่อเลื่อนไปล่างสุดแล้ว โดยการแจ้งเตือน มีทั้งแบบเสียง หรือแบบสั่น เสียงเตือนถือว่าดัง แต่ผมใช้ระบบสั่นเป็นหลัก นาฬิกาให้การสั่นที่ดีกำลังดี รับทราบ แต่ไม่ได้ดังหรือรุนแรงจนทำให้คนรอบข้างรู้ว่า “มีอะไรสั่น”
โดยสรุปของหน้าตาเมนู การตอบสนองการใช้งานต่าง ๆ ถือเป็นนาฬิกาที่ให้ปรับตัวใช้งานไม่ยากมาก กดปุ่มบนเมนู เมนูก็เน้นขึ้นบนลงล่าง ถอยออกใช้การปาดซ้ายไปขวา การจัดวางเมนู ก็คุ้มพื้นที่ของการเป็นนาฬิกาวงกลม สิ่งเดียวที่อยากให้ปรับคือ “ความเร็วในการตอบสนอง” เห็นได้ชัดว่า การแตะ ลาก เหมือนนาฬิกาจะแอบช้ากว่านิ้วอยู่เล็กน้อย ส่วนเรื่อง สีหน้าจอ ฟอนท์ การจัดวางเมนู ความคมของหน้าจอ การสั่นของนาฬิกาเพื่อแจ้งเตือนขณะสวมใส่ นุ่มนวล สุภาพผู้ดีมากกว่ารุ่นก่อนคนละเรื่อง เพราะรุ่นแรกเวลามีแจ้งเตือน สั่นได้แรงและดังจนดูไร้รสนิยมมาก
อัตราการเต้นของหัวใจ มีระบบการวัดตลอดเวลาที่ใส่นาฬิกา โดยนาฬิกาจะบันทึกได้ว่า ในตลอดเวลาที่ใส่อยู่ ค่าเฉลี่ยของอัตราการเต้นหัวใจ ไม่ว่าจะตอนอยู่นิ่ง ตอนเดิน หรือตอนออกกำลังกาย มีค่าเฉลี่ยออกมาเป็นอย่างไร และมีความสามารถวัดระดับความเครียดผ่านแบบทดสอบใน App Health Gallery
ใส่เพลงลงในนาฬิกาได้ โดยฟังเพลงจากความจำของนาฬิกาผ่านหูฟังไร้สาย หรือควบคุมเพลงที่กำลังเล่นในมือถือได้ โดยความสามารถนี้ ทำได้เฉพาะการเชื่อมต่อกับ Android เท่านั้น ใช้งานใน iOS ไม่ได้
รองรับเข็มทิศในตัว ก่อนใช้ แกว่งแขนสักเล็กน้อย ก็จะเป็นการตั้งค่าให้อ่านค่าทิศทางได้ รองรับวัดความสูงจากพื้นดิน รวมถึงความกดอากาศได้ นำไปประยุกต์กับการเดินป่าหรือปีนเขาได้ (ส่วนใช้งานจริงผ่านไหม อันนี้ไม่มีประสบการณ์กีฬาทางนี้จริง ๆ)
นาฬิกาสามารถค้นหาโทรศัพท์ได้ โดยแตะที่เมนู “ค้นหาโทรศัพท์” แล้วสั่งจากนาฬิกาให้โทรศัพท์ส่งเสียงดัง ๆ ออกมา เมื่อเราหาเจอแล้ว ค่อยแตะปิดเสียงการค้นหาจากนาฬิกาในภายหลัง
ความสามารถโดยรวมของ Honor Magic Watch 2 เหมาะกับผู้ที่อยากได้นาฬิกาที่เป็นเสมือน “จอที่สองของมือถือ” ไม่ได้เน้นว่า ต้องใช้นาฬิกาในการทำแทนการหยิบมือถือออกมาใช้ ถ้าหวังให้เป็นนาฬิกาที่ ใช้งาน App ทำแทนมือถือได้บ้าง อย่างที่ Smartwatch อื่นทำได้ Honor Magic Watch 2 ยังไม่ตอบโจทย์ตรงนี้ แต่จากที่เห็นทิศทางของ App Gallery ที่ Huawei อยากให้เป็นไปแล้ว รุ่นถัดไปจากนี้ก็น่าจะได้เห็นนาฬิการองรับ App และความสามารถที่มากขึ้นแน่นอน
การใช้พลังงาน
สเปคที่ Honor ลงไว้เกี่ยวกับแบตเตอรี่ของ Magic Watch 2 คือสามารถใช้งานได้ 14 วัน เมื่อชาร์จเต็ม นำไปใช้งานด้วยออกกำลังกายด้วย เวทฯ กับคาดิโอด้วยกา เดินชัน / วิ่ง / ปั่นจักรยาน รวมประมาณ 3-4 ชั่วโมงต่อวัน ใส่ทั้งวัน รวมใส่นอนด้วย การตั้งค่าหน้าจอ ใช้ความสว่างแบบปรับอัตโนมัติ เปิด Always On Display (ค้างไว้ 5 นาที หลังการใช้งานล่าสุด) และหน้าปัดนาฬิกาแบบเปิดไว้ตลอด แบตเตอรี่จะใช้ได้ประมาณ 6-7วัน พอดี ฉะนั้นแล้ว หากไม่ใช้งาน Always On Display กับ หน้าปัดนาฬิกาแบบเปิดตลอด รวมถึงใช้งานออกกำลังกายน้อยกว่านี้ น่าจะทำได้ครบ 14 วัน ตามที่เคลมไว้ ทั้งนี้ การใช้งานได้นาน 6-7 วันแบบนี้ ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจกับการใช้งานจริงแบบเอาให้เต็มที่
และที่ชอบที่สุดในประเด็นนี้ คือที่ชาร์จ ตัวแป้นต่อกับสาย USB-C พกพาง่าย ใช้งานสบาย หย่อนนาฬิกาลงปุ๊ป ดูดติดปั๊ป สะดวกและดีจริง จนยี่ห้ออื่น ๆ ควรทำที่ชาร์จทำนองนี้ออกมาให้ใช้งานจะดีมาก
สรุป ”Smart Watch ที่ถือว่า ราคาต่อความสามารถ สมน้ำสมเนื้อที่สุด”
ในชีวิตจริงของผม นาฬิกาข้อมือที่ผมมีประสบการณ์ด้วย มีอยู่ 3 เรือนในชีวิต สองเรือนคือนาฬิกาข้อมือแบบดั้งเดิม อีกหนึ่ง คือ Smartwatch ความพอใจกับ Smartwatch ที่ใส่อยู่ ทำให้ผมแอบไม่เปิดใจลองใส่นาฬิกา Smart Watch อื่น ๆ เพราะมันเป็นเรื่องความเข้ากันได้กับมือถือเครื่องหลักที่ใช้ การได้ลอง Honor Magic Watch 2 เกิดขึ้นในช่วงที่ผมได้ Smart Watch แนวออกกำลังกาย มาใช้งานเฉพาะเป็นเรือนที่ 2 คู่กับเรือนหลักที่ใช้อยู่ Honor Magic Watch 2 อาจไม่ใช่นาฬิกาที่ผมชอบไปหมด แต่การที่ค่าตัวอยู่ที่ 6,490 บาท ตัวตน ความสามารถ รวมกันแล้ว เป็นนาฬิกาที่ทำให้ผมกล้าแนะนำคนส่วนมาก ที่มอง Smartwatch เพื่อการใช้งานจริง ๆ และการใช้งานนั้น พ่วงมาด้วยความดูดีทางภาพลักษณ์ไปด้วย
สิ่งที่ทำให้ Honor Watch Magic Watch 2 คือนาฬิกาที่คุ้มค่ากับเงินที่จ่าย มีอยู่ไม่กี่อย่าง แต่เป็นจุดแข็งที่ตัดสินใจได้ง่ายทุกข้อ ไม่ว่าจตัวเรือนที่สวยงาม ใช้สแตนเลสเป็นวัสดุหลัง สายหนังกับยางที่ดูดีในราคาที่จ่าย ใส่ประจำวันได้ดี องค์ประกอบรวมดูดีเหมือนนาฬิกาข้อมือแนว Sport ชั้นดี หน้าจอที่สีสวย คมชัด จัดวางเมนู ใช้งาน ได้คุ้มค่ากับพื้นที่วงกลม โดยเฉพาะการออกกำลังกาย ที่สามารถแสดงข้อมูลหลายส่วน แต่อยู่ในหน้าจอวงกลมจอเดียวได้ครบ ใช้งานออกกำลังกายได้จริง การวัดแคลอรี่ อัตราการเต้นของหัวใจ ดีไม่แพ้นาฬิกาสายออกกำลังกายแท้ ๆ ความสามารถที่ได้ใช้ก็ครบถ้วน ไม่ว่าจะการแสดงการแจ้งเตือน รับโทรศัพท์ และแบตเตอรี่ที่ชาร์จกลับได้ค่อนข้างเร็ว รวมกับระยะเวลาใช้งานที่ไม่ต้องชาร์จไฟบ่อย ๆ ทั้งหมดนี้ เป็นจุดเด่นที่ตรงใจกับความคาดหวังของคนส่วนใหญ่ ที่อยากได้ Smartwatch สักเรือนในการใช้งานแล้วคุ้มค่ากับเงินที่จ่าย
แต่ถ้ามองถึงจุดที่สามารถทำให้ดีกว่านี้ได้ Honor Magic Watch 2 ก็มีให้ปรับอยู่ เริ่มที่ฝาหลังนาฬิกา จะเป็นพลาสติกสีดำแบบนี้ก็ได้ แต่ออกแบบให้รับกับด้านหน้าที่สวยจะดีมาก หน้าตาตัวเรือน วัสดุ ลองเก็บให้ประณีตกว่านี้อีกนิด จากหล่อ จะกลายเป็นหล่อมากขึ้น อย่างต่อมาคือหน้าจอ หน้าจอไม่สู้แดดเลย การเคลือบกระจกตัดแสงให้ดีกว่านี้ จะแก้ปัญหาการใช้งานกลางแดดได้แน่นอน เรื่องที่ต่อมา เมนูการใช้งาน เห็นได้เลยว่า การตอบสนองจอสัมผัส แอบช้าไปเล็กน้อย ถ้าลดกราฟฟิกสักหน่อย เพื่อให้ดูไวขึ้น น่าจะช่วยให้การใช้งานไม่รู้สึกว่าเครื่องช้าไป หรือพัฒนาตัวเครื่องให้แรงกว่านี้ (แต่ห้ามกินพลังงานมากกว่านี้) ก็ได้ และอย่างสุดท้าย คือการต่อยอดใช้งานให้ดีกว่านี้ จะเห็นได้ว่า บางความสามารถใช้งานกับ iOS แทบไม่ได้ ใช้กับ Android ก็น่าจะทำอะไรได้มากกว่านี้ การต่อยอดความสามารถ ตีความให้เป็นจุดขายที่น่าสนใจกว่านี้ คือการบ้านชิ้นใหญ่ที่ผมอยากให้ Huawei ยกระดับ Watch GT / Magic Watch ในอนาคต
ณ ตอนนี้ ผมเชื่อว่า Huawei ปรับตัวได้ดีขึ้นกับการไม่มี Google เห็นได้ว่า เริ่มอยู่ด้วยตัวเองได้ ถึงจะมีบางจุดที่ ยังทดแทนกันไม่ได้ แต่ก็ไม่ยากที่จะทำให้ผู้ใช้งานปรับตัว หรือปรับจนได้ทางออกที่ดีที่สุด ถ้าสิ่งที่ดีที่สุดกับ Huawei และ Honor ที่ผมอยากได้ ซึ่งทำให้สินค้าฝั่ง Smartphone / Tablet และ Wearable ดีขึ้นจากนี้แน่นอน นั่นคือ
ขอให้รองรับ Google Service ได้เหมือนเดิม อย่างน้อยแล้ว การใช้งานต่าง ๆ จะคล่องตัว ไม่ต้องกลับมาใช้ Android แบบเต็มตัวเหมือนแต่ก่อนก็ได้ แต่การได้กลับมาใช้งานได้ตามปกติ เป็นผลดีกับตลาดโลกทั้ง Huawei และ Google แน่นอน บางที ระหว่างนี้ที่ทุกคนติดอยู่กับที่บ้าน ที่ปลอดภัยด้วย COVID-19 พอภัยร่วมโลกจางหาย เราอาจได้ข่าวดีระหว่าง Huawei กับ Google ก็เป็นได้นะ
เอาใจช่วยอยู่นะครับ นาฬิกาที่ได้ลองไป จะได้ใช้งานได้สมบูรณ์แบบก้าวกระโดดไปด้วย : )