ลองแล้วเล่า

ลอง(นิดหน่อย)แล้วเล่า : MateBook D14 & MateBook X Pro “สองเกลอเติมเต็มชีวิต 1+8+N จาก Huawei”

การหาคอมมาใช้ 1 เครื่องเพื่อเป็นเครื่องหลักสำหรับทำงานนี่ บอกเลยว่าเป็นเรื่องค่อนข้างยากและลำบาก เพราะหลายครั้งหลายครา เราจะเจอกับตัวเลือกที่มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย ไหนจะเรื่องสเปคที่เครื่องราคาเท่ากัน แต่สเปคให้ไม่เท่ากัน ไหนจะเรื่องของระบบปฏิบัติการที่อีกฝั่งมี Windows ให้ แต่ต้องแลกกับราคาที่สูงขึ้นราว ๆ 1-2 พัน หรือเครื่องที่มาพร้อมกับระบบปฏิบัตการ Linux ที่ใช้งานได้ฟรี แต่หลายคนไม่คุ้นชินกัน นี่ยังไม่รวมถึงเรื่องยิบย่อยอีกมากมายที่ต้องเรียนต้องพูดกันตามตรงว่า การเลือกซื้อคอมพิวเตอร์ในยุคนี้ ค่อนข้างเป็นเรื่องยากกว่าการเลือกซื้อมือถือหนึ่งเครื่องเสียอีก

แล้วจะมีไหมล่ะ คอมพิวเตอร์ที่ใช้งานได้ครบ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การทำงานได้อย่างอิสระ มีระบบปฏิบัติการลิขสิทธิ์ให้ใช้งานตั้งแต่เริ่ม และต้องคุ้มราคาที่เสียไป พูดมาขนาดนี้ถ้าบอกว่าต้องเป็น Mac ทุกคนคงไม่แปลกใจเพราะมาตรฐานฝั่งนั้นเค้าสูงอยู่แล้ว แต่กลับกันถ้าเป็นฝั่ง PC ล่ะ การจะหาคอมพิวเตอร์ที่ทุกอย่างเทียบเท่า Mac ได้ คงต้องมานั่งคัดแบรนด์กันยกใหญ่ เพราะทุกวันนี้เองผู้ผลิตหลายเจ้าก็พยายามอัพเกรดมาตรฐานให้ขึ้นมาเทียบเท่าฝั่ง Mac ให้ได้อยู่ และหนึ่งในนั้นก็คือ Huawei เจ้าพ่อมือถือแดนมังกรที่เริ่มนำ PC เข้ามาขายเมื่อหลายปีก่อนในราคาที่ทำเอาหลายคนตกอกตกใจกันพอสมควร

กาลเวลาผ่านไป Huawei เองก็เริ่มมีแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้นกับ PC ของตัวเองว่าจะต้องเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยรองรับการใช้ชีวิตในโลก Huawei Ecosystem แบบ 1+8+N ให้ได้ ประกอบกับราคาฮาร์ดแวร์ในตลาดก็เริ่มมีราคาที่ถูกลง นั่นแหละครับ มันเลยกลายมาเป็นความคุ้มค่าที่เกินค่าตัวไปไกลของสองโน้ตบุ๊ครุ่นใหม่จากบ้าน Huawei อย่าง Huawei MateBook D14 (ตัวสีเงินในภาพ) และ Huawei MateBook X Pro (ตัวสีเทาเมทัลลิคในภาพ) ที่ได้ฤกษ์วางจำหน่ายในไทยวันนี้เป็นวันแรก

เราได้มีโอกาสลองเล่นเจ้าสองตัวนี้ร่วมกับอีกสองสินค้าใหม่จากฝั่ง MatePad และมือถือตระกูล Y อีกสองรุ่น (ตามไปอ่านได้ที่นี่) ในเวลาไม่นานนัก (ด้วยสถานการณ์ COVID-19 ที่จำเป็นต้องจำกัดบุคคลเข้าร่วมทดสอบ) สิ่งที่ได้มาในเวลาเพียงเท่านี้ ก็ถือว่ามากพอจะเอามาเล่าให้ฟังได้แบบสังเขปดังต่อไปนี้…

ส่องรอบเครื่อง

ก่อนจะเข้ารายละเอียดว่าเจ้า Huawei MateBook D14 และ MateBook X Pro จะเข้ามาเสริมชีวิตแบบ 1+8+N ได้ยังไงนั้น ขออธิบายรายละเอียดโดยสังเขปของทั้งสองรุ่นกันก่อน ทั้งสองรุ่นมีขนาดหน้าจอ 14 นิ้วเท่ากันโดยที่

  • น้องเล็ก MateBook D14 จะใช้สเกลจอแบบ 16:9 ความละเอียด 1920×1080 พิกเซล มุมมองภาพกว้าง 178 องศา มีอัตราส่วนการแสดงผลที่ 84% ของตัวเครื่อง ตัวจอเป็นแบบ Anti-glare ลดแสงสะท้อน และตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาได้โดยไม่ต้องเข้าไปเปิดโหมด Night Light ของ Windows 10
  • พี่ใหญ่ MateBook X Pro จะใช้สเกลจอแบบ 3:2 บนดีไซน์ FullView Display ด้วยขอบที่บางมากด้วยอัตราส่วนการแสดงผลที่ 91% ของตัวเครื่อง ความละเอียดหน้าจอระดับ 3K (3000×2000 พิิกเซล) ตัวจอมีค่าสีกว้าง 100% ของมาตรฐาน sRGB (DCI-P3) ค่า Contrast 1500:1 ค่าความสว่างขณะการใช้งานปกติที่ 450 nits รองรับการตัดแสงสีฟ้าเพื่อถนอมสายตาได้ตามมาตรฐานของ TUV Rheinland และเป็นจอแบบทัชสกรีน รองรับมัลติทัชได้สูงสุด 10 นิ้ว
MateBook D14
MateBook X Pro

สังเกตได้ง่าย ๆ เลยว่าตัวจอของ MateBook D14 จะมีขอบล่างขนาดใหญ่มาก ในขณะที่ขอบด้านอื่น ๆ ค่อนข้างบาง ซึ่งในการใช้งานจริง ขอบล่างค่อนข้างรบกวนสายตาพอสมควร แต่กลับกัน MateBook X Pro ขอบจะค่อนข้างบางมาก ทำให้เราไม่ได้โฟกัสไปที่ตรงขอบจอสักเท่าไหร่ แถมดูผิวเผิน สีจอของ MateBook X Pro ยังสวยงามกว่าแบบชัดเจนจากการรองรับค่าสีกว้าง 100%

MateBook D14
MateBook X Pro

อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายคนคงตกใจว่า เอ๊ะ แล้วกล้อง Webcam หายไปไหน แล้วจะใช้อะไรเวลาคุยวิดีโอ คำตอบคือตัวกล้องไม่ได้หายไปไหน แต่ Huawei เลือกซ่อนเอาไว้ใต้คีย์บอร์ดเพื่อความเป็นส่วนตัว ซึ่ง Huawei เรียกเจ้ากล้องวิดีโอนี้ว่า “Recessed Camera” เวลาใช้งานเพียงแค่จิ้มออกมาเท่านั้น และ Huawei ให้กล้อง Webcam แบบนี้กับทั้งสองรุ่น ไม่มีเกี่ยงกันแน่นอน ไหนๆ เราพูดถึงเรื่องของกล้องแล้ว ไม่พูดถึงไมโครโฟนก็คงจะไม่ได้ ตัวเครื่อง MateBook X Pro ยังคงคอนเซ็ปท์จัดหนักจัดเต็ม ด้วยไมโครโฟนแบบ Quad-Microphone และลำโพง Quad-Speaker ที่ให้เสียงคมชัดทั้งเสียงสนทนา และเสียงเพลง แต่กลับกัน MateBook D14 ให้ไมโครโฟน 2 ตัวสำหรับช่วยตัดเสียงรบกวน และให้ลำโพงสเตอริโอสองตัว ซึ่งถึงจะให้มาน้อยกว่า แต่เสียงก็ดังกังวาลเท่ากันทั้งคู่

เอาล่ะ มาถึงสิ่งที่ทั้งคู่ให้มาเหมือนกันบ้าง นั่นคือคีย์บอร์ดแบบขากรรไกร ที่ให้ฟีลลิ่งในการใช้งานแบบเดียวกับ MacBook Pro ตัวล่าสุด พร้อมทัชแพดขนาดใหญ่ และ Fingerprint Power Button ที่รองรับการทำงานร่วมกับ Windows Hello ทำให้สามารถเปิดใช้งานเครื่องได้อย่างรวดเร็วด้วยการข้ามขั้นตอนการกรอกรหัสผ่านตัวเครื่อง เรียกว่าเป็นการเพิ่มความเร็วแล้ว ยังช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับข้อมูลในตัวเครื่องอีกด้วย และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือภาครับ NFC ซึ่งฝังอยู่บริเวณที่วางมือข้างขวา แต่จะเอาไว้ใช้ทำอะไรนั้น เราจะบอกต่อไป

พอร์ตการเชื่อมต่อ ทั้งสองรุ่นให้มาเหมือนกันหมดคือ USB-C สำหรับชาร์จไฟ USB 3.0 และ USB 2.0 อย่างละหนึ่งช่องโดย MateBook X Pro จะมาในแบบพอร์ต C และ A อย่างละ 1 พอร์ต แต่ MateBook D14 จะเป็นพอร์ต A 2 พอร์ต และพอร์ตหูฟังแบบ Combo Jack 1 พอร์ต แต่สำหรับ MateBook D14 จะมีพอร์ต HDMI ให้อีก 1 พอร์ต สำหรับเชื่อมต่อจอภายนอก แต่ถ้าเป็น MateBook X Pro ต้องหา Adaptor มาเชื่อมต่อผ่าน USB-C แทน

อีกสิ่งหนึ่งที่ MateBook D14 ให้มา แต่ MateBook X Pro ไม่ได้ให้ ก็คือการกางหน้าจอแบบ 180 องศาราบไปกับพื้นผิว ทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น

ปิดท้ายด้วยโลโก้ Huawei แบบเมทัลลิคที่ตัวฝา Clamshell~ โดย MateBook D14 จะมาในสีเงินตัดเทา แต่ MateBook X Pro จะมาในสีเทาดำอันสวยงาม

การใช้งานเบื้องต้น

ในส่วนของการใช้งานนั้น เรียกว่าไม่มีอะไรต่างจากคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows 10 แบบทั่ว ๆ ไป … จบ

ถ้าผมเขียนแบบนี้ ผมคงโดน PR Huawei เอา MateBook ผ่ากลางหัวแน่นอน แต่ถ้าบอกเพิ่มว่า จุดขายในการใช้งานของเค้าไม่ได้อยู่ที่ Windows 10 ล่ะ? คุณจะเชื่อผมไหม?

นี่แหละครับ คือคำตอบว่าทำไม MateBook D14 และ MateBook X Pro ถึงมีภาครับ NFC อยู่บริเวณที่วางข้อมือ และเป็นอุปกรณ์ชิ้นสำคัญที่ทำให้การใช้ชีวิตแบบ 1+8+N ตาม Huawei Ecosystem เพราะฟีเจอร์นี้นั่นก็คือ “Huawei Share” ที่เป็นการดึงเอาสมาร์ทโฟนของเราขึ้นไปทำงานอยู่บนคอมเลย

อ่านจบคงเอ๊ะ ใช่ไหมครับ ว่า PC ค่ายอื่นเค้าก็มีกัน รวมถึงตัว Windows 10 เองก็สามารถทำได้อยู่แล้วผ่านฟีเจอร์ Your Phone ถ้าจะพูดแบบนั้นมันก็ใช่ครับ แต่นี่คือ Huawei .. (Huawei โดนอะไรอยู่ เราคงไม่สาธยายต่อจากนี้ ถือว่ารู้กันนะครับ ฮา) มันก็เลยต้องมีความพิเศษขึ้นมาหน่อย เพราะฟีเจอร์นี้สามารถใช้งานได้ง่าย ๆ ถ้าเป็น EMUI เวอร์ชันล่าสุดและมือถือรองรับ NFC อยู่แล้ว

การใช้งานฟีเจอร์นี้ก็ทำได้ง่าย ๆ โดยเอามือถือมาแตะที่ตัวเครื่อง เมื่อตัวเครื่องได้รับสัญญาณ ก็จะเชื่อมต่อเข้ากับโทรศัพท์และดึงหน้าจอขึ้นมาทำงานบนตัวโน้ตบุ๊คทันที โดยฟีเจอร์ที่สามารถใช้งานได้ก็มีทั้งการทำงานร่วมกันระหว่างคอมและมือถือ การดึงไฟล์ผ่านคอมพิวเตอร์ การจับภาพหน้าจอ อัดหน้าจอ แชร์ Clipboard จากมือถือ รวมถึงการโทรออก-รับสายโทรเข้าได้ผ่านคอมพิวเตอร์ทั้งการโทรแบบปกติ/แอปพลิเคชัน และฟีเจอร์ใหม่ที่มาพร้อมกับ EMUI 10.1 อย่าง Huawei MeeTime

ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำแนวคิด 1+8+N ของ Huawei ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งตามที่ Huawei เคยบอกเรามาหลายต่อหลายครั้ง 1 ในที่นี้คือตัวสมาร์ทโฟน 8 คืออุปกรณ์สมาร์ทดีไวซ์อื่น ๆ เช่น แท็บเล็ด โน้ตบุ๊ค สมาร์ทวอทช์ หูฟัง และ N คืออุปกรณ์ IoT ที่ใช้ทรัพยากรของ Huawei Ecosystem ดังนั้นตัวฟีเจอร์ Huawei Share ก็เปรียบเสมือนได้ว่า MateBook เครื่องนี้ จะเป็นได้มากกว่าคอมพิวเตอร์ธรรมดาหรือไม่ ก็ขึ้นกับว่าคุณมีสมาร์ทโฟน Huawei อยู่หรือเปล่าแค่นั้น เพราะถ้าคุณมี ยังไงคุณก็ได้ใช้ความสามารถ Huawei Share รวมถึงฟีเจอร์ที่กล่าวข้างต้นบน MateBook ได้แน่นอน แต่ถ้าไม่อย่างน้อยก็คิดว่าคุณกำลังใช้คอมคุณภาพดี 1 เครื่อง เพราะ Huawei ก็ไม่เคยทำให้ประสบการณ์การใช้งานเครื่องแย่อยู่แล้ว

ส่งท้าย

อย่างที่เราบอกไปข้างต้นว่าการออก MateBook มันคือหนึ่งในกลยุทธ์ที่ Huawei ใช้สร้าง 1+8+N Ecosystem ให้มีความชัดเจนมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการโต้กลับที่ดีในวันที่ฝั่งมือถือขาดตัวแปรสำคัญอย่าง Google Ecosystem แม้การเป็นโน้ตบุ๊คที่ต้องพึ่ง Windows 10 Ecosystem ของ Microsoft แต่ Huawei ก็สร้างความแตกต่างในตลาดได้เป็นอย่างดี และเชื่อได้ว่าเมื่อเป็น Huawei ยังไงก็ต้องได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาดผู้ใช้อยู่แล้ว

เหลือเพียงแค่ว่า Huawei จะสร้าง 1+8+N Ecosystem ได้สำเร็จหรือไม่นั้น ยังไงก็ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ต่อไปครับ

ราคา สเปค และการวางจำหน่าย

ก่อนจากกันก็ขายของกันเล็กน้อยนะครับ แห ๆ

Huawei MateBook D14 และ Huawei MateBook X Pro จะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563 โดยเริ่มเปิดให้จองตั้งแต่วันนี้ – 13 มิถุนายน พ.ศ. 2563 สำหรับราคามีดังต่อไปนี้

  • Huawei MateBook X Pro วางจำหน่ายในรุ่น Intel Core i7 Gen 10 พร้อมกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce MX250 และแรม LPDDR3 16 GB ราคา 59,990 บาท
  • Huawei MateBook D14 วางจำหน่ายสามรุ่น แบ่งเป็น
    • รุ่น AMD Ryzen 5 พร้อมชิปกราฟิก Radeon Vega 10 แรม DDR4 8 GB พื้นที่เก็บข้อมูล 256 GB ราคา 16,990 บาท (เฉพาะที่ JD Central เท่านั้น)
    • รุ่น AMD Ryzen 7 3700U พร้อมชิปกราฟิก Radeon Vega 10 และแรม DDR4 8GB ราคา 21,990 บาท
    • รุ่น Intel Core i7 Gen 10 พร้อมกราฟิกการ์ด NVIDIA GeForce MX250 และแรม DDR4 16 GB ราคา 29,990 บาท

สำหรับผู้ที่จองเครื่องล่วงหน้า จะได้รับของแถมดังต่อไปนี้

  • Huawei MateBook X Pro รับฟรีหูฟัง Huawei Freelace, ซองใส่โน้ตบุ๊ค, กระเป๋า, เมาส์, Huawei MateDock และ Office 365 Personal 1 ปี รวมมูลค่ากว่า 8,540 บาท
  • Huawei MateBook D14 รุ่น Ryzen 7 และ Core i7 รับฟรีหูฟัง Huawei Freelace, กระเป๋า, เมาส์ รวมมูลค่า 4,070 บาท และ
  • Huawei MateBook D14 รุ่น Ryzen 5 รับฟรีกระเป๋า, เมาส์ และ Office 365 Personal 1 ปี รวมมูลค่า 4,178 บาท

ที่สำคัญทั้งสามรุ่นมาพร้อมกับ Windows 10 ของแท้เวอร์ชันลิขสิทธิ์ ไม่ต้องหามาติดตั้งเองครับ : D

คณะแกดกวน #teamgadguan

คณะแกดกวน #teamgadguan

เว็บ Gadget อารมณ์ดี มีสาระ
เราคุยกันได้ทั้งเรื่องของเล่นไฮเทค วิทยาการ หรือกระทั่งเมาท์เรื่องไม่เป็นเรื่อง ให้เป็นงานเป็นการ